ราคาทองฟิวเจอร์ทะยานกว่า 1% จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะกังวลศก.โลกชะลอตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 4, 2019 00:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการที่อังกฤษอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง

ณ เวลา 00.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดีดตัวขึ้น 24.50 ดอลลาร์ หรือ 1.63% สู่ระดับ 1,553.90 ดอลลาร์/ออนซ์

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จากระดับ 51.2 ในเดือนก.ค.

ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 36 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 จากระดับ 50.4 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนี PMI ถูกกดดันจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ โดยคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่การจ้างงานทรงตัว

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนได้หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ สหรัฐประกาศเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 1 ก.ย. ขณะที่จีนก็ได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐเช่นกัน

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและจีนยังคงมีกำหนดเจรจาการค้าในเดือนนี้ แม้ทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ระหว่างกัน

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในวันนี้ กดดันให้จีนรีบทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ มิฉะนั้นการเจรจาจะยากลำบากมากขึ้น หากเขาชนะการเลือกตั้งในปีหน้า และกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง

"เรากำลังทำได้ดีในการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกเขาต้องการเจรจากับรัฐบาลชุดใหม่เพื่อให้สามารถขูดรีดสหรัฐต่อไป (6 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี) โดยระยะเวลากว่า 16 เดือนถือเป็นเวลานานที่สหรัฐจะต้องสูญเสียการจ้างงาน และบริษัทหลายแห่ง และคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับจีน ถ้าหากผมชนะการเลือกตั้ง การทำข้อตกลงก็จะยากลำบากมากขึ้น โดยในระหว่างนี้ ห่วงโซ่อุปทานของจีนจะทรุดตัวลง ขณะที่ธุรกิจ การจ้างงาน และเม็ดเงินก็จะหายไปด้วย" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในอังกฤษ หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ รวมทั้งสมาชิกบางรายที่แปรพักตร์จากพรรคร่วมรัฐบาล ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นขออภิปรายฉุกเฉินในรัฐสภาวันนี้ ในความพยายามที่จะสกัดนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี มิให้นำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ