สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กดีดตัวกลับมาปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (15 ต.ค.) หลังจากราคาร่วงลงไปก่อนหน้านี้จากความวิตกเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.85 เซนต์ หรือ -0.17% ปิดที่ 5.0145 ดอลลาร์/ปอนด์
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (NABE) ที่เมืองฟิลาเดลเฟียในวันอังคาร (14 ต.ค.) เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดอาจใกล้ถึงจุดที่จะยุติการลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นท่าทีล่าสุดของเฟดเกี่ยวกับการใช้นโยบาย "คุมเข้มเชิงปริมาณ" (quantitative tightening) หรือ QT ซึ่งเป็นกระบวนการลดการถือครองสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดที่มีมูลค่ามากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ พาวเวลได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของตลาดแรงงาน ซึ่งมุมมองดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศ
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ราคาทองแดงปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากปัญหาซัพพลายจากเหมืองทั่วโลกที่ติดขัดอย่างหนัก ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนที่กำลังไหลทะลักเข้ามาในตลาดโลหะ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ในภาคการผลิตและการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า วัฏจักรอุตสาหกรรมของจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าทองแดงรายใหญ่ของโลก อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งราคาโลหะมักจะปรับตัวลงตามหลังในอีก 3-6 เดือน นอกจากนี้ ตลาดโลกยังอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาด และจะกลับสู่สมดุลในปีหน้า
สำหรับบรรยากาศการลงทุนยังคงผันผวนหนักจากสงครามการค้า เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเล่นงานจีนเพิ่มด้วยการระงับการนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารจากจีน แต่ยังพอมีสัญญาณบวกอยู่บ้าง เมื่อสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เสนอที่จะชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจีน เพื่อแลกกับการที่จีนจะทบทวนแผนจำกัดการส่งออกแร่หายาก