ภาวะตลาดทองแดงนิวยอร์กทองแดงปิดร่วง 4.68% ปรับฐานแรง-ดอลล์แข็ง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday December 30, 2025 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดร่วงในวันจันทร์ (29 ธ.ค.) โดยย่อตัวลงจากระดับสูงสุดของวันที่ 5.92 ดอลลาร์ และเป็นการปรับฐานแรงจนลบส่วนต่างที่ขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (26 ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาภาพรวมปีนี้ ราคาทองแดงดีดตัวขึ้นมาแล้วกว่า 35% โดยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนก.ค. ได้อย่างแข็งแกร่ง

สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 27.30 เซนต์ หรือ -4.68% ปิดที่ 5.5665 ดอลลาร์/ปอนด์

นอกจากนี้ สัญญาทองแดงยังได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.01% แตะที่ 98.035

สำหรับภาพรวมตลอดทั้งปี 2568 กระแสคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีกับทองแดง กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ เร่งนำเข้าสินค้าล่วงหน้า (Front-loading) เพื่อกักตุนสต๊อก ส่งผลให้เกิดการแย่งชิงอุปทานอย่างดุเดือด แม้ว่าความต้องการใช้จากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงก็ตาม

นอกจากปัจจัยทางการเมืองแล้ว ในปี 2568 ยังเป็นปีที่ผู้ผลิตรายใหญ่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านการผลิตที่เกิดขึ้นกับเหมืองหลักทั่วโลก เริ่มตั้งแต่อุบัติเหตุร้ายแรงที่เหมืองกราสเบิร์ก (Grasberg) ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเหมืองทองแดงขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก จนส่งผลให้บริษัทฟรีพอร์ต-แมคโมแรน (Freeport McMoRan) ต้องประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) และปรับลดเป้าหมายการผลิต โดยคาดว่าจะสามารถกลับมาดำเนินงานได้เต็มกำลังอีกครั้งในปี 2570

ขณะเดียวกัน เหมืองคาโมอา-คาคูลา (Kamoa-Kakula) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกก็เผชิญกับเหตุน้ำท่วมอุโมงค์ใต้ดินเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ตลอดจนเหตุระเบิดหินที่เหมืองเอล เตเนียนเต (El Teniente) ในชิลีเมื่อเดือนก.ค. ซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดคิดเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ซ้ำเติมภาวะขาดแคลนทองแดงในตลาดโลกให้รุนแรงยิ่งขึ้น

สำหรับมุมมองระยะยาว รายงาน Transition Metals Outlook 2025 จาก BloombergNEF ระบุว่า ความต้องการทองแดงเพื่อใช้ในพลังงานทางเลือกอาจพุ่งสูงขึ้นถึง 3 เท่าภายในปี 2588 ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดเผชิญภาวะขาดดุลอย่างเร็วที่สุดในปี 2569

หากไม่มีการลงทุนเพิ่มในโครงการเหมืองแร่ใหม่หรือระบบรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ โลกอาจเผชิญกับการขาดแคลนทองแดงสูงถึง 19 ล้านตันภายในปี 2593 โดยนักวิเคราะห์ของ BloombergNEF ชี้ว่า ความไม่สมดุลของตลาดในอนาคตคือผลกระทบโดยตรงจากการที่ความต้องการใช้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กำลังการผลิตใหม่กลับขยายตัวไม่ทัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ