ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (8 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เข้าใกล้ระดับต่ำสุดของปี 2568 หลังจากรายงานคุณภาพพืชผลของสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด ประกอบกับพยากรณ์อากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าผลผลิตจะออกมามหาศาล ขณะเดียวกันก็กังวลว่าสงครามการค้าอาจกระทบต่อความต้องการซื้อธัญพืชจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.50 เซนต์ หรือ -1.54% ปิดที่ 4.1425 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 0.75 เซนต์ หรือ -0.14% ปิดที่ 5.4775 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 3.25 เซนต์ หรือ -0.32% ปิดที่ 10.1750 ดอลลาร์/บุชเชล
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) เปิดเผยหลังปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (7 ก.ค.) ว่า 74% ของผลผลิตข้าวโพดทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ "ดีถึงดีเยี่ยม" ซึ่งเพิ่มขึ้น 1% จากสัปดาห์ก่อน และเป็นระดับสูงสุดในช่วงเวลานี้ของปีนับตั้งแต่ปี 2561
ขณะเดียวกัน สัญญาถั่วเหลืองก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนเช่นกัน โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า สภาพอากาศที่ไม่น่าเป็นห่วงได้สร้างความกังวลว่าผลผลิตจะล้นตลาด
ความกังวลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขยายวงสงครามการค้าในสัปดาห์นี้ ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทองแดง 50% และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอีก 14 ประเทศ
ด้าน Commodity Weather Group ซึ่งเป็นกลุ่มพยากรณ์อากาศสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ ระบุว่า สภาพอากาศโดยรวมยังคงเอื้ออำนวย และคาดว่าจะยังไม่มีสภาพอากาศร้อนจัดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งหากสหรัฐฯ มีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งไปเพิ่มปริมาณอุปทานในตลาดโลกที่ปัจจุบันมีผลผลิตมหาศาลจากบราซิล ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ข้อมูลรายสัปดาห์ของ USDA ยังชี้ว่า การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีฤดูหนาวของสหรัฐฯ ดำเนินไปเร็วกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ Sovecon ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเกษตร ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกข้าวสาลีของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตารายงานอุปสงค์-อุปทานสินค้าเกษตรทั่วโลกประจำเดือน ซึ่ง USDA มีกำหนดจะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ (11 ก.ค.)