ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (23 ก.ค.) สัญญาธัญพืชปิดลบทั้งกระดาน โดยสัญญาข้าวสาลีถูกกดดันจากแรงเทขายทำกำไรและอุปทานโลกที่ยังคงสูง ขณะที่สัญญาข้าวโพดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากการคาดการณ์สภาพอากาศที่เป็นใจต่อการเพาะปลูก ส่วนสัญญาถั่วเหลืองได้รับผลกระทบจากข่าวที่จีนจะลดการผลิตสุกร
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.50 เซนต์ หรือ -0.12% ปิดที่ 4.1750 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 9.00 เซนต์ หรือ -1.64% ปิดที่ 5.4050 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ -0.27% ปิดที่ 10.2275 ดอลลาร์/บุชเชล
ราคาสัญญาข้าวสาลีถูกกดดันหลังคณะผู้สำรวจคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวสาลีพันธุ์ Hard Red Spring ในรัฐนอร์ทดาโคตาจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย อย่างไรก็ดี การร่วงลงของราคาถูกจำกัดไว้ส่วนหนึ่งจากการซื้อขายทำกำไรจากส่วนต่างราคาระหว่างตลาด (Inter-market spread trading) โดยนักลงทุนบางส่วนเลือกขายข้าวโพดเพื่อเข้าซื้อสัญญาข้าวสาลีแทน
ด้านสัญญาข้าวโพดพยายามฟื้นตัวในช่วงแรก แต่กลับดิ่งลงในช่วงบ่ายจากพยากรณ์อากาศที่คาดว่าจะมีฝนตกในเขตเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ซึ่งเอื้อต่อผลผลิต ประกอบกับอุปทานที่มีอยู่ปริมาณมาก นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคงจับตารายงานปัญหาการผสมเกสรและความไม่สม่ำเสมอของผลผลิต แต่ยังไม่แน่ชัดว่าผลกระทบจะรุนแรงเพียงใด
ขณะเดียวกัน สัญญาถั่วเหลืองปิดลบจากแรงกดดันหลังมีข่าวว่าจีนจะลดกำลังการผลิตสุกรและหาวัตถุดิบทดแทนกากถั่วเหลืองในอาหารสัตว์ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกในช่วงแรกที่ตลาดคาดหวังว่า ข้อตกลงการค้าต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ทั้งกับญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สหภาพยุโรป และจีน อาจช่วยกระตุ้นการส่งออกของสหรัฐฯ
ไมค์ ซูโซโล ประธานของ Global Commodity Analytics กล่าวว่า มุมมองของนักลงทุนที่คาดว่าราคาข้าวโพดจะปรับตัวลงนั้น ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจนกว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) จะเปิดเผยรายงานประมาณการอุปทานและอุปสงค์สินค้าเกษตรโลก (WASDE) ในวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งตลาดกำลังเฝ้ารอตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองฉบับปรับปรุงอย่างใกล้ชิด