ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (28 ก.ค.) สัญญาข้าวโพดดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และฉุดให้ราคาถั่วเหลืองร่วงลงตามไปด้วย โดยมีสาเหตุหลักจากแรงกดดันของแนวโน้มผลผลิตปริมาณมหาศาล และการพยากรณ์อากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในแถบมิดเวสต์ ขณะที่ราคาข้าวสาลีสามารถดีดตัวกลับมาปิดบวกเล็กน้อยจากแรงซื้อเก็งกำไรระหว่างตลาด
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.00 เซนต์ หรือ -1.19% ปิดที่ 4.1400 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.25 เซนต์ หรือ +0.05% ปิดที่ 5.3850 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 9.50 เซนต์ หรือ -0.93% ปิดที่ 10.1150 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดมาจากพยากรณ์อากาศที่คาดว่าสภาพอากาศจะเย็นลงในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลก่อนหน้านี้เกี่ยวกับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงต่อการผสมเกสรของข้าวโพด
"ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่น่ากังวล" ทอม ฟริตซ์ หุ้นส่วนจาก EFG Group ในชิคาโกกล่าว และเสริมว่า ความกังวลเรื่องอากาศร้อนได้ถูกตลาดมองข้ามไปแล้ว
ข้อมูลหลังปิดตลาดจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มดังกล่าว โดยแม้ว่าการประเมินคุณภาพข้าวโพดในเกณฑ์ดีถึงดีเยี่ยมจะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 73% แต่ยังคงเป็นระดับสูงสุดในช่วงเวลานี้ของปีนับตั้งแต่ปี 2559 ขณะที่การประเมินคุณภาพถั่วเหลืองกลับปรับตัวดีขึ้นสวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในเกณฑ์ดีถึงดีเยี่ยม
นอกจากปัจจัยด้านสภาพอากาศและผลผลิตในประเทศ ตลาดยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากข่าวที่รัฐบาลอาร์เจนตินาประกาศลดภาษีส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งอาร์เจนตินาเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองรายใหญ่ของโลก
สำหรับสถานการณ์การค้าโลก สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าฉบับร่าง เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนได้เริ่มการเจรจาที่กรุงสตอกโฮล์ม เพื่อหาทางแก้ไขข้อพิพาทและขยายเวลาการพักรบทางการค้าออกไปอีก 3 เดือน โดยคาดว่าจะเจรจาต่อในวันนี้ (29 ก.ค.)