ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันศุกร์ (1 ส.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปิดลบ หลังมีรายงานว่าสภาพอากาศในพื้นที่เพาะปลูกธัญพืชในอาร์เจนตินาเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกและอาจทำให้ผลผลิตปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ สัญญาธัญพืชยังถูกกดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ -0.73% ปิดที่ 4.1075 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 6.50 เซนต์ หรือ -1.24% ปิดที่ 5.1675 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดทรงตัวที่ 9.8925 ดอลลาร์/บุชเชล
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า พื้นที่เพาะปลูกธัญพืชในอาร์เจนตินามีความชุ่มชื้นดีขึ้นหลังมีฝนตกตามฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ปลูกข้าวสาลี ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตของอาร์เจนตินาปรับตัวสูงขึ้น
รายงานระบุว่า ขณะนี้ผลผลิตข้าวสาลีของอาร์เจนตินาอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมกว่า 95% ทำให้อาร์เจนตินากลายเป็นคู่แข่งรายสำคัญของสหรัฐฯ ประกอบกับมาตรการภาษีชุดใหม่ของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอาจจะเปิดโอกาสให้สินค้าส่งออกของอาร์เจนตินามีความได้เปรียบมากขึ้น
กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) รายงานยอดส่งออกข้าวโพดรอบใหม่ในวันศุกร์ โดยมีการส่งออกไปยังประเทศที่ไม่ระบุจุดหมายปลายทางจำนวน 2 ครั้ง สำหรับปีการตลาด 2568-2569 ซึ่งมียอดรวม 352,160 ตัน อย่างไรก็ดี แม้ความต้องการส่งออกจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาสัญญาธัญพืชในตลาด CBOT แต่ยอดส่งออกในครั้งนี้ไม่สามารถดันราคาข้าวโพดให้เป็นปิดในแดนบวกได้