ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันจันทร์ (25 ส.ค.) สัญญาถั่วเหลืองปิดตลาดปรับตัวลดลง หลังเพิ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันศุกร์ (22 ส.ค.) โดยเผชิญแรงกดดันจากความเชื่อมั่นของตลาดที่ลดน้อยลงว่าจีนจะกลับมาสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ประกอบกับความกังวลเรื่องอุปสงค์เชื้อเพลิงชีวภาพที่อาจหดตัว สวนทางกับสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.75 เซนต์ หรือ +0.18% ปิดที่ 4.1225 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.50 เซนต์ หรือ +0.47% ปิดที่ 5.2975 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับตัวลง 10.75 เซนต์ หรือ -1.02% ปิดที่ 10.4775 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยลบสำคัญที่กดดันตลาดถั่วเหลืองมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 ส.ค.) เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันได้ออกมากล่าวว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ กำลังบ่อนทำลายความร่วมมือด้านการเกษตร และเตือนว่าเกษตรกรไม่ควรต้องตกเป็นผู้แบกรับผลกระทบจากสงครามการค้า
แดน แบสส์ ประธานของ AgResource ให้ความเห็นว่า "ปกติแล้วในช่วงเดือนก.ย. จีนจะสั่งซื้อถั่วเหลืองไปแล้วราว 14-15% ของความต้องการทั้งปี ... แต่ในเมื่อทั้งสองฝ่ายยังไม่แม้แต่จะเริ่มเจรจากัน พวกเขาก็คงไม่สั่งซื้อในปริมาณมหาศาลในเร็ว ๆ นี้แน่นอน"
นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลต่อกรณีที่สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ได้อนุมัติคำร้องขอของโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กส่วนใหญ่ในการยกเว้นข้อบังคับการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์ของเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่ส่วนใหญ่ผลิตจากถั่วเหลืองลดลง
ด้านสัญญาข้าวโพดได้แรงหนุนหลังจากบริษัทที่ปรึกษา Pro Farmer คาดการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า แม้ผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐฯ ปีนี้จะสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ประเมินไว้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด ส่วนสัญญาข้าวสาลีได้รับอานิสงส์จากทิศทางของตลาดข้าวโพดและความหวังเกี่ยวกับยอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออกของสหรัฐฯ ในขณะที่ราคาในแถบทะเลดำยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับรายงานประจำสัปดาห์ของ USDA ที่จะเปิดเผยในวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น นักวิเคราะห์คาดว่า USDA อาจปรับลดอันดับคุณภาพของผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองลงเล็กน้อย แม้ว่าภาพรวมผลผลิตจะยังคงอยู่ในระดับสูงก็ตาม