ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (4 พ.ย.) สัญญาถั่วเหลืองปิดร่วงลงจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณการสั่งซื้อจากจีน ส่วนสัญญาข้าวสาลีดีดตัวขึ้นสวนทางตลาด แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ขานรับกระแสข่าวที่ว่าจีนอาจสั่งซื้อข้าวสาลีจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.75 เซนต์ หรือ -0.63% ปิดที่ 4.3150 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.75 เซนต์ หรือ +1.24% ปิดที่ 5.5025 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12.75 เซนต์ หรือ -1.12% ปิดที่ 11.2150 ดอลลาร์/บุชเชล
ตลาดถั่วเหลืองเผชิญกับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไร ขณะที่นักลงทุนและผู้ค้าต่างจับตารอการยืนยันคำสั่งซื้อลอตใหญ่จากจีน ภายหลังจากที่สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงพักรบสงครามการค้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้ว่าทำเนียบขาวเปิดเผยว่าจีนตกลงที่จะสั่งซื้อถั่วเหลืองหลายล้านเมตริกตัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันคำสั่งซื้ออย่างเป็นทางการจากฝั่งสหรัฐฯ ประกอบกับมีรายงานว่าผู้นำเข้าของจีนได้หันไปสั่งซื้อผลผลิตจากบราซิลที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสร้างความเสี่ยงที่ราคาถั่วเหลืองอาจเข้าสู่ช่วงปรับฐานหากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา
ด้านสัญญาข้าวสาลีได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวลืออย่างต่อเนื่องว่า จีนมีความสนใจที่จะซื้อข้าวสาลีจากสหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขาย (Short-Covering) ในตลาด
ทั้งนี้ ข้อมูลตลาดชี้ว่าปริมาณสถานะคงค้าง (Open Interest) ของสัญญาข้าวสาลีมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่กลางเดือนต.ค. สวนทางกับราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการปิดสถานะขายของนักลงทุน
ส่วนสัญญาข้าวโพดปรับตัวลง โดยได้รับแรงกดดันหลังบริษัทโบรกเกอร์ StoneX ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐฯ ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดโดยรวมยังถูกกดดันจากภาวะการลงทุนที่เป็นลบ หลังการร่วงลงของราคาสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น สัญญาน้ำมันดิบ โลหะ และตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ขณะเดียวกัน การที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังคงปิดทำการ (Government Shutdown) ส่งผลให้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ต้องระงับการเปิดเผยข้อมูลยอดขายส่งออกประจำสัปดาห์ ซึ่งทำให้นักลงทุนขาดข้อมูลสำคัญในการประเมินทิศทางตลาด