ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (12 พ.ย.) ราคาถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อนักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตเพื่อรอรายงานอุปทานและอุปสงค์โลกฉบับสำคัญจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ (14 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นข้อมูลทางการชุดแรกในรอบหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การที่จีนซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ยังคงเงียบเหงา ก็เป็นตัวฉุดให้ราคาขยับขึ้นได้ไม่มากนัก
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ +0.75% ปิดที่ 4.3525 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปิดที่ 5.3600 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 เซนต์ หรือ +0.58% ปิดที่ 11.3375 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตลาดแทบไม่มีข้อมูลปัจจัยพื้นฐานใหม่ ๆ จาก USDA เพราะหน่วยงานรัฐบาลปิดทำการไปพักใหญ่ โดยสิ่งที่นักลงทุนกำลังจับตาดูเป็นพิเศษคือตัวเลขผลผลิตต่อไร่ เพราะครั้งนี้จะเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่อั้นมาถึง 2 เดือนรวดเดียว นอกจากนี้นักลงทุนยังคงเฝ้าดูว่าจีนจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะสั่งซื้อถั่วเหลืองให้ครบ 12 ล้านตันภายในสิ้นปีนี้ได้หรือไม่
สถานการณ์ฝั่งจีนยังไม่สู้ดีนัก เพราะนับตั้งแต่ผู้นำสองประเทศพบกันเมื่อเดือนก่อน จีนก็สั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สวนทางกับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย.) ซึ่งบริษัท COFCO ยักษ์ใหญ่ของจีนเพิ่งประกาศว่าได้เซ็นสัญญาซื้อถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง และสินค้าเกษตรอื่น ๆ จากบราซิลเป็นมูลค่ามหาศาลกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในแถลงการณ์ไม่ได้พูดถึงการซื้อจากสหรัฐฯ เลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้ จีนกำลังปวดหัวกับปัญหาถั่วเหลืองล้นตลาดหลังนำเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาหลายเดือน ทำให้โอกาสที่จีนจะกลับมาสั่งซื้อล็อตใหญ่จากสหรัฐฯ ยิ่งดูริบหรี่ลงไปอีก
ส่วนราคาข้าวโพดขยับขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าปัญหาภัยแล้งและโรคระบาดในช่วงเพาะปลูก อาจส่งผลกระทบหนักต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิตข้าวโพดในสหรัฐฯ