ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOTสัญญาธัญพืชปิดลบทั้งกระดาน จากแรงขายทำกำไร

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 22, 2020 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) สัญญาสินค้าเกษตรปิดลบทั้งกระดาน นำโดยสัญญาข้าวสาลี

สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 8.75 เซนต์ หรือ 2.31% ปิดที่ 3.6975 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 20.25 เซนต์ หรือ 3.52% ปิดที่ 5.5475 ดอลลาร์/บุชเชล ส่วนสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 21 เซนต์ หรือ 2.01% ปิดที่ 10.225 ดอลลาร์/บุชเชล

AgResource ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในชิคาโกเปิดเผยว่า สัญญาสินค้าเกษตรทั้งข้าวโพด, ถั่วเหลือง และข้าวสาลีต่างก็ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายเพื่อทำกำไร ขณะที่สัญญาถั่วเหลืองมีปัจจัยฉุดจากความต้องการในจีนที่ลดลงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ยืนยันว่า สหรัฐได้ส่งออกถั่วเหลืองไปจีนเป็นจำนวน 132,000 เมตริกตัน ส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ จำนวน 171,000 เมตริกตัน และส่งออกไปยังปากีสถานจำนวน 132,000 เมตริกตัน

AgResource ระบุว่า รัฐปารานาในบราซิลมีการเพาะปลูกข้าวโพดพันธุ์ฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว 33% และได้เร่งการหว่านเมล็ดพันธุ์ในช่วงที่มีฝนตก โดยคาดว่าจะมีการเพาะปลูกผลผลิตข้าวโพดระยะแรกในรัฐดังกล่าวเพิ่มขึ้นราว 5-6%

สำหรับข้อมูลการส่งออกพบว่า สหรัฐได้ส่งออกข้าวโพดไปยังตลาดต่างประเทศเป็นจำนวน 29.7 ล้านบุชเชล ส่งออกถั่วเหลือง 48.1 ล้านบุชเชล และส่งออกข้าวสาลี 17.3 ล้านบุชเชล โดยยอดส่งออกข้าวโพดและถั่วเหลืองอยู่ต่ำกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

รายงานสภาพอากาศระบุว่า ความแห้งแล้งยังคงปกคลุมพื้นที่ทั่วเมืองเดลตาเนื่องจากพายุโซนร้อนเบต้ายังอยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ ขณะเดียวกันสภาพอากาศที่อยู่ในรูปแบบของร่องความกดอากาศสูงก็ได้ส่งผลให้เกษตรกรต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยมีกระแสลมกรดที่อยู่ห่างก็ไปทางเหนือซึ่งส่งผลให้สภาพอากาศเหมือนกับในฤดูร้อนเป็นปัจจัยหนุนที่เอื้ออำนวยต่อการเก็บเกี่ยว โดยคาดว่าจะมีอากาศอบอุ่นและแห้งต่อไปอีก 11-15 วัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเร่งความเร็วการเก็บเกี่ยวผลผลิตถั่วเหลืองต่อไปจนถึงสุดสัปดาห์ ขณะที่ผลผลิตข้าวโพดเริ่มมีการสูญเสียน้ำช้าลงซึ่งจะช่วยให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่การเก็บเกี่ยวก็จะล่าช้าออกไปจนถึงปลายเดือนก.ย.หรือต้นเดือนต.ค.

AgResource กล่าวว่า การที่ราคาปรับตัวลงจะช่วยให้จีนมีโอกาสเข้ามาซื้อผลผลิตมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังต้องจับตาโครงการ Sinograin ซึ่งเป็นโครงการซื้อผลผลิตสำรองของจีนในอีกไม่กี่วันนี้ โดยหากจีนมีความต้องการเพิ่มขึ้นก็อาจทำให้ตลาดพลิกกลับมาสู่ขาขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ