ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ทะลุระดับ 62 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมัน
ณ เวลา 23.44 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. บวก 1.38 ดอลลาร์ หรือ 2.27% สู่ระดับ 62.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
โอเปกพลัสได้เสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้แล้ว โดยที่ประชุมมีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมันตามที่ได้ตกลงกันในการประชุมเดือนธ.ค.2567 โดยจะลดกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2569
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเรียกร้องให้สำนักเลขาธิการโอเปกทำการประเมินศักยภาพการผลิตที่ยั่งยืนของแต่ละประเทศ เพื่อกำหนด "เกณฑ์ขั้นต่ำ" (baseline) สำหรับการผลิตน้ำมันในปี 2570 ซึ่งจะใช้เป็นฐานในการคำนวณโควตาการผลิตของสมาชิก
ทั้งนี้ ประเด็นเกี่ยวกับการกำหนด "เกณฑ์ขั้นต่ำ" เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันในโอเปกพลัส เนื่องจากบางประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิรัก ได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน จึงต้องการโควต้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่บางประเทศ โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา กลับมีการผลิตที่ลดลง
ขณะเดียวกัน ในวันเสาร์นี้ (31 พ.ค.) สมาชิก 8 ชาติของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอลจีเรีย อิรัก คาซัคสถาน คูเวต โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเคยตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ และขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการเพิ่มกำลังการผลิต จะจัดการประชุมแยกต่างหาก โดยคาดว่าที่ประชุมจะเห็นพ้องสำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค.และมิ.ย.
การประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งถัดไปของกลุ่มโอเปกพลัสมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่อนุญาตให้บริษัท เชฟรอน ส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกใบอนุญาตแบบจำกัดให้บริษัท เชฟรอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐ โดยอนุญาตให้เชฟรอนสามารถคงทรัพย์สินในเวเนซุเอลา ซึ่งรวมถึงการถือหุ้นในกิจการร่วมทุนด้านน้ำมันกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา (PDVSA)
อย่างไรก็ดี ภายใต้ใบอนุญาตดังกล่าว เชฟรอนจะไม่สามารถดำเนินงานในแหล่งน้ำมันของเวเนซุเอลา รวมทั้งไม่สามารถส่งออกน้ำมัน หรือขยายการลงทุนใด ๆ ในประเทศ
ทั้งนี้ จุดประสงค์ของใบอนุญาตดังกล่าวก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เชฟรอนมีการชำระเงินใด ๆ แก่รัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา หลังจากที่ปธน.ทรัมป์กล่าวหาปธน.มาดูโรว่าไม่มีความคืบหน้าในการส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศ และประสบความล้มเหลวในการปฏิรูปการเลือกตั้งเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจปรับลดราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการ (Official Selling Price) หรือ OSP สำหรับลูกค้าในเอเชียในเดือนก.ค.ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ทั้งนี้ ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า แหล่งข่าวจากโรงกลั่นน้ำมัน 4 แห่งในเอเชียเปิดเผยว่า ราคา OSP ของน้ำมันดิบ Arab Light สำหรับเดือนก.ค. อาจลดลง 40-50 เซนต์/บาร์เรล สู่ระดับ 90 เซนต์ถึง 1 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.
การปรับลดราคาดังกล่าวจะทำให้ราคา OSP ของ Arab Light ในเดือนก.ค.อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียมักประกาศราคา OSP ในวันที่ 5 ของแต่ละเดือน ซึ่งจะเป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมันของอิหร่าน คูเวต และอิรัก และจะมีผลต่อราคาน้ำมันดิบราว 9 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนี้ ผลสำรวจของรอยเตอร์ยังพบว่า ซาอุดีอาระเบียอาจปรับลดราคา OSP สำหรับน้ำมันดิบเกรดอื่น ได้แก่ Arab Extra Light, Arab Medium และ Arab Heavy โดยอาจปรับลดลงในเดือนก.ค.ราว 30-45 เซนต์/บาร์เรล เมื่อเทียบกับระดับราคาน้ำมันในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันพรุ่งนี้