ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (3 มิ.ย.) โดยมีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ร้อนแรงขึ้น ทั้งจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงดุเดือด และท่าทีของอิหร่านที่ส่อเค้าว่าจะปัดตกข้อเสนอข้อตกลงนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ ซึ่งหากข้อตกลงนี้เกิดขึ้นจริง จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน หนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้
เมื่อเวลาประมาณ 18.23 น. ราคาสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.27 ดอลลาร์ หรือ +0.43% สู่ระดับ 62.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.24 ดอลลาร์ หรือ +0.37% มาอยู่ที่ 64.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ (2 มิ.ย.) ราคาน้ำมันดิบเพิ่งดีดตัวขึ้นเกือบ 3% หลังจากที่กลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นในปริมาณเท่าเดิมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เดือดขึ้นอีกขั้น มีทั้งการปะทะกันด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่เริ่มสงคราม สะพานทางหลวงของรัสเซียถูกระเบิดขณะมีรถไฟโดยสารแล่นผ่านด้านล่าง และยังมีการโจมตีฐานทัพเครื่องบินทิ้งระเบิดลึกเข้าไปในดินแดนไซบีเรีย
ด้านอิหร่าน นักการทูตอิหร่านเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า อิหร่านเตรียมที่จะปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ เพื่อยุติข้อพิพาทนิวเคลียร์ที่คาราคาซังมานานหลายสิบปี โดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ตอบโจทย์ผลประโยชน์ของอิหร่าน และสหรัฐฯ เองก็ยังคงท่าทีแข็งกร้าวในประเด็นการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
หากการเจรจานิวเคลียร์ครั้งนี้ล่ม อาจหมายความว่าอิหร่านจะยังคงถูกคว่ำบาตรต่อไป ทำให้ปริมาณน้ำมันจากอิหร่านสู่ตลาดโลกมีจำกัด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงก็เป็นอีกแรงส่ง โดยดัชนีดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนกำลังชั่งน้ำหนักถึงทิศทางนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระตุ้นเงินเฟ้ออย่างไร
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์ เช่น น้ำมัน มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินอื่น
ราคาน้ำมันอาจได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม หากรายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่จะออกมาล่าสุดในสัปดาห์นี้ ชี้ว่าปริมาณสำรองลดลงตามที่ตลาดคาดการณ์กันไว้