ราคาน้ำมัน WTI พลิกร่วงลงกว่า 1% หลุดระดับ 73 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนไม่คาดว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซเพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งใช้ปฏิบัติการทางทหารถล่มโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ
ณ เวลา 21.47 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ลบ 0.97 ดอลลาร์ หรือ 1.31% สู่ระดับ 72.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ทุกคนรักษาราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ มิฉะนั้นจะเป็นการเข้าทางศัตรู
"ขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับต่ำ ผมกำลังดูอยู่! มิฉะนั้นคุณกำลังเล่นเกมเข้าทางศัตรู อย่าได้ทำมัน!"
"ผมขอบอกไปยังกระทรวงพลังงานว่า เจาะเลย จัดเลย ขุดน้ำมันเลย!!! และผมหมายความว่าให้ทำเดี๋ยวนี้!!!" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social
ถ้อยแถลงดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังสหรัฐทำการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีความวิตกกังวลว่าอิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐ
"ตลาดปรับตัวรับคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป" นายฮอร์เก้ ลีออน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ของ Rystad Energy กล่าวในรายการ Worldwide Exchange ของสำนักข่าว CNBC
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าตลาดคาดการณ์ว่า อิหร่านจะไม่ขัดขวางการส่งออกน้ำมันดิบ เพราะจะเป็นการยั่วยุให้สหรัฐตอบโต้อย่างรุนแรง ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลอิหร่านเอง
นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจของอิหร่าน และเรียกร้องให้จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่านเข้าแทรกแซง
ทั้งนี้ การปิดช่องแคบฮอร์มุซเสี่ยงที่จะสร้างความไม่พอใจต่อจีน ซึ่งต้องนำเข้าน้ำมันจำนวนมากจากเส้นทางดังกล่าว และการปิดช่องแคบก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มประเทศรอบอ่าวเปอร์เซียเองที่ต้องพึ่งพาการส่งออกพลังงาน ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ
รัฐสภาอิหร่านได้ลงมติเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ในการอนุมัติการปิดช่องแคบฮอร์มุซ อย่างไรก็ดี การตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน และอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
ที่ผ่านมา อิหร่านเคยขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยลงมือจริง แม้แต่ในช่วงสงครามอิหร่าน-อิรักในปี 1984-1988 ซึ่งทั้งสองประเทศโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อทำลายเศรษฐกิจของอีกฝ่าย จนเป็นเหตุให้กองทัพสหรัฐต้องเข้ามาคุ้มกันกองเรือในภูมิภาคดังกล่าว แต่ ช่องแคบฮอร์มุซก็ไม่เคยถูกปิดอย่างจริงจัง
🔴ช่องแคบฮอร์มุซอยู่ตรงไหน?
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งที่สำคัญที่สุดของโลก ซึ่งเชื่อมอ่าวเปอร์เซียเข้ากับทะเลอาหรับ และเป็นจุดควบคุมการขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดของโลก ทั้งจากอิหร่าน อิรัก คูเวต กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยช่องแคบฮอร์มุซมีความกว้างเพียง 50 กิโลเมตรตรงทางเข้าและทางออก โดยเฉพาะส่วนที่แคบที่สุดมีความกว้างแค่ 33 กิโลเมตร
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 มีการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซราว 20 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์/ปี
🔴หากปิดช่องแคบฮอร์มุซ ผลกระทบจะเป็นอย่างไร?
ประมาณ 20% ของน้ำมันและก๊าซทั่วโลกมีการขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ การปิดช่องแคบจะส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก สร้างความเสียหายต่อการค้าระหว่างประเทศ และทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังอาจทำให้ต้นทุนของสินค้าและบริการทั่วโลกสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก เช่น จีน อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของน้ำมันดิบที่ต้องผ่านช่องแคบดังกล่าว
เซอร์อเล็กซ์ ยังเกอร์ อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง MI6 ของสหราชอาณาจักร กล่าวกับสำนักข่าว BBC ว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านคือการปิดช่องแคบฮอร์มุซ
"การปิดช่องแคบจะกลายเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะส่งผลโดยตรงต่อราคาน้ำมัน" เขากล่าว
ด้านนายบาเดอร์ อัล-ซาอิฟ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยคูเวต และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์ของคาบสมุทรอาหรับ กล่าวว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซจะส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลก เพราะราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้น และตลาดหุ้นจะตื่นตระหนก
กลุ่มประเทศเอเชียจะได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยข้อมูลจาก EIA ระบุว่า ในปี 2022 ประมาณ 82% ของน้ำมันดิบและคอนเดนเสท (ไฮโดรคาร์บอนเหลวชนิดเบาที่มักพบร่วมกับก๊าซธรรมชาติ) ที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ได้ถูกส่งไปยังประเทศในเอเชีย
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันของอิหร่านประมาณ 90% ซึ่งหากเกิดภาวะชะงักงัน จีนจะต้องเผชิญทั้งต้นทุนการผลิตและค่าพลังงานที่สูงขึ้น ในช่วงเวลาที่จีนต้องพึ่งพาการส่งออกและการผลิต ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในเอเชียก็ต้องพึ่งพาน้ำมันจากช่องแคบฮอร์มุซเช่นกัน โดยอินเดียนำเข้าน้ำมันดิบเกือบครึ่งหนึ่งและก๊าซธรรมชาติราว 60% ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่เกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันดิบราว 60% และญี่ปุ่นราว 75%
นอกจากนี้ ผลเสียจะเกิดขึ้นโดยตรงต่อกลุ่มประเทศรอบอ่าวเปอร์เซียที่ต้องพึ่งพาการส่งออกพลังงาน เช่น ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งต้องใช้ช่องแคบฮอร์มุซในการส่งออกน้ำมันดิบราว 6 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่อิหร่านส่งออกน้ำมันราว 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน และมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันถึง 67,000 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมี.ค.2025 ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดในรอบทศวรรษ
🔴อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซได้อย่างไร?
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการปิดช่องแคบฮอร์มุซที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการวางทุ่นระเบิด โดยใช้เรือโจมตีเร็วและเรือดำน้ำ ขณะที่กองทัพเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) สามารถโจมตีเรือรบและเรือพาณิชย์ แต่เรือรบขนาดใหญ่ของอิหร่านเองก็อาจตกเป็นเป้าของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แม้อิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซได้ชั่วคราว แต่สหรัฐและพันธมิตรสามารถเปิดเส้นทางเดินเรือดังกล่าวในไม่ช้าด้วยการใช้ปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งสหรัฐเคยทำเช่นนี้มาก่อน โดยในช่วงสงครามระหว่างอิหร่านและอิรักในปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งสองประเทศโจมตีเรือของแต่ละฝ่ายเพื่อกดดันทางเศรษฐกิจ แต่สหรัฐก็ได้ส่งเรือรบมาคุ้มครองเรือบรรทุกน้ำมันของคูเวต ซึ่งจัดเป็นปฏิบัติการคุ้มครองขบวนเรือใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
🔴อิหร่านจะปิดช่องแคบจริงหรือ?
แม้อิหร่านจะขู่ปิดช่องแคบหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยลงมือจริง แม้แต่ในช่วงสงครามอิหร่านและอิรักในทศวรรษ 1980 การขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซก็ไม่เคยถูกขัดขวางอย่างจริงจัง
นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจของอิหร่าน และเรียกร้องให้จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่านเข้าแทรกแซง
"ผมขอให้รัฐบาลจีนในกรุงปักกิ่งโทรหาอิหร่าน เพราะพวกเขาต้องพึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซเป็นอย่างมาก" นายรูบิโอกล่าวต่อสำนักข่าว Fox News
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจีนคงไม่ยินดีกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันหรือการหยุดชะงักของเส้นทางขนส่งน้ำมัน โดยจีนอาจใช้แนวทางการทูตกดดันอิหร่านไม่ให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ
นางวันดานา ฮารี ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า "อิหร่านมีแต่เสียมากกว่าได้ โดยอิหร่านเสี่ยงที่จะทำให้เพื่อนบ้านผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซต้องกลายเป็นศัตรู และอาจสร้างความไม่พอใจต่อจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ หากมีการปิดช่องแคบ"
🔴มีเส้นทางขนส่งน้ำมันอื่นหรือไม่?
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในอ่าวเปอร์เซียได้พัฒนาเส้นทางขนส่งน้ำมันทางเลือกหลายเส้นทาง โดย EIA เปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียได้เปิดท่อส่งน้ำมัน EastWest ความยาว 1,200 กิโลเมตร ซึ่งสามารถส่งออกน้ำมันได้มากถึง 5 ล้านบาร์เรล/วัน และในปี 2019 ซาอุดีอาระเบียได้ดัดแปลงท่อส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อขนส่งน้ำมันดิบ
ด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เชื่อมโยงท่อส่งน้ำมันภายในประเทศไปยังท่าเรือฟูไจราห์บนอ่าวโอมาน ซึ่งรองรับน้ำมันได้ถึง 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่อิหร่านเองก็เปิดท่อส่งน้ำมัน GorehJask ในเดือนก.ค.2021 เพื่อขนส่งน้ำมันไปยังอ่าวโอมาน โดยมีศักยภาพรองรับน้ำมันราว 350,000 บาร์เรล/วัน
EIA ประเมินว่า เส้นทางขนส่งน้ำมันทางเลือกเหล่านี้สามารถขนส่งน้ำมันได้รวมกันราว 3.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 15% ของน้ำมันดิบที่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ