สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (15 ก.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศให้เวลารัสเซีย 50 วันในการยุติสงครามในยูเครน นับเป็นการส่งสัญญาณหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 66.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 68.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปธน.ทรัมป์ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ก.ค.) ว่า เขาให้เวลา 50 วันแก่รัสเซียในการยุติสงครามยูเครน ก่อนที่จะเรียกเก็บภาษี 100% ต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
แดเนียล ไฮนส์ นักกลยุทธ์อาวุโสด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ ANZ กล่าวว่า การที่ปธน.ทรัมป์ให้เวลา 50 วันแก่รัสเซียทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และลดความวิตกกังวลที่ว่าการคว่ำบาตรอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรมีความเสี่ยงที่จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน และเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากจีนรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.1% โดยได้ปัจจัยแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้