สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (4 ส.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 66.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 91 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 68.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สมาชิก 8 ชาติของโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย มีมติเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนก.ย. หลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา และถือเป็นการกลับลำนโยบายด้านการผลิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่บ่งชี้ว่า ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่อ่อนแอมากสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าการผลิตน้ำมันเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดทั่วโลก
นักลงทุนจับตาการประชุมครั้งต่อไปของโอเปกพลัสในวันที่ 7 ก.ย. ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าโอเปกพลัสอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก ซึ่งจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ ประกาศใช้ล่าสุดกับบรรดาประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศ รวมทั้งจับตามาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับรัสเซีย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ว่าจะใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) ในอัตราสูงถึง 100% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน
ล่าสุดปธน.ทรัมป์กล่าวในวันจันทร์ว่า เขาจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดีย เนื่องจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ในขณะที่รัฐบาลอินเดียกล่าวว่าจะใช้มาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และระบุว่าการกระทำของปธน.ทรัมป์นั้นไร้เหตุผล