สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (12 ส.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันจะชะลอตัวลงในช่วงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐฯ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในวันนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 79 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital กล่าวว่า ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวด้วยปัจจัยตามฤดูกาล โดยความต้องการน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์น้ำมันโดยรวมนั้น ส่งสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่ารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) อาจบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ด้วยเช่นกัน
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ส.ค. ขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการของ EIA ในวันนี้
รายงานจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และ EIA ต่างก็บ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่สถาบันทั้งสองแห่งคาดว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ จะลดลงในปี 2569 ขณะที่ภูมิภาคอื่นทั่วโลกจะเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
รายงานประจำเดือนของโอเปกที่มีการเผยแพร่ในวันอังคารระบุว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.38 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2569 ซึ่งเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล/วันจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนการคาดการณ์ในปี 2568 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทางด้าน EIA คาดการณ์ในรายงานประจำเดือนเมื่อวันอังคารว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.41 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 เนื่องจากประสิทธิภาพการขุดเจาะที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า อีกปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันคือการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มีกำหนดจะพบกันที่รัฐอะแลสกาในวันศุกร์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน โดยหากการประชุมในวันศุกร์นำไปสู่หยุดยิงหรือแม้แต่ทำให้ข้อตกลงสันติภาพในยูเครนเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น ปธน.ทรัมป์ก็อาจระงับมาตรการภาษีทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) ที่ประกาศเรียกเก็บจากอินเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่มาตรการจะมีผลบังคับใช้ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า