ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดบวก 90 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันลดลงเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 28, 2025 06:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นในวันพุธ (27 ส.ค.) หลังปรับตัวลดลงมากกว่า 2% เมื่อวันอังคาร โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังจากมาตรการภาษีศุลกากรอัตราสูงของสหรัฐฯ ต่ออินเดียเริ่มมีผลบังคับใช้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.42% ปิดที่ 64.15 ดอลลาร์ /บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.23% ปิดที่ 68.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 2.39 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 418.3 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 838,000 บาร์เรล

สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดนี้เป็นปัจจัยสนับสนุน เนื่องจากตอกย้ำถึงภาวะอุปทานที่ตึงตัว อีกทั้งสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นที่ลดลงยังสะท้อนถึงความต้องการเชื้อเพลิงที่ยังคงแข็งแกร่งก่อนช่วงหยุดยาวสุดสัปดาห์เนื่องในวันแรงงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันเตรียมตัวเดินทางกันอย่างคึกคัก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หลังจากภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าอินเดียในอัตราสูงถึง 50% เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันพุธ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลงโทษอินเดียที่ยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อการค้าโลก โดยอาจทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีตึงเครียดและส่งผลให้สถานการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกซับซ้อนขึ้น

นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณของการหยุดชะงักด้านอุปทาน แต่ความไม่แน่นอนที่ว่าสหรัฐฯ จะพุ่งเป้าไปที่การค้าน้ำมันหรือไม่ ทำให้เทรดเดอร์บางส่วนไม่กล้าเข้าซื้อขาย

นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอีกฝ่าย ทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องการหยุดชะงักของอุปทาน โดยเจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวเมื่อวันพุธว่า รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการขนส่งก๊าซใน 6 ภูมิภาคของยูเครนเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยูเครนได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานการส่งออกของรัสเซียเช่นกัน

สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาจะเข้าพบผู้แทนของยูเครนที่นิวยอร์กในสัปดาห์นี้ และเผยด้วยว่า สหรัฐฯ กำลังหารือกับรัสเซียเช่นกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม

ด้านแหล่งข่าววงในเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า รัสเซียได้ปรับแผนการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือทางตะวันตกเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค. จากแผนเดิม หลังจากที่โรงกลั่นน้ำมันถูกโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กำลังเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภคและกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันสูงขึ้นตามไปด้วย

ความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มสูงขึ้นหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ขณะที่ล่าสุด จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวเมื่อวันพุธว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะลดลง แต่ผู้กำหนดนโยบายจะต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมา ก่อนตัดสินใจว่าควรลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. นี้ หรือไม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ