สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันพุธ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการที่สหรัฐฯ ผลักดันให้มีการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียนั้น อาจจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกเผชิญภาวะชะงักงัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 63.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 67.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อกองทัพโปแลนด์ได้ส่งเครื่องบินรบขึ้นปฏิบัติการยิงสกัดโดรนของรัสเซียที่ล่วงล้ำเข้ามาในน่านฟ้าจากฝั่งยูเครน นับเป็นการเข้าปะทะกับยุทโธปกรณ์ของรัสเซียในดินแดนโปแลนด์ครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มต้นขึ้น
นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์กล่าวว่า น่านฟ้าโปแลนด์ถูกละเมิดโดยโดรนจำนวนมากจากรัสเซีย และบางส่วนก่อให้เกิดภัยคุกคามโดยตรง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์เสนอให้ใช้มาตรา 4 ของสนธิสัญญานาโตซึ่งระบุว่า ชาติสมาชิกนาโตจะร่วมปรึกษาหารือกันในยามที่สมาชิกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นว่าบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความมั่นคงของตนถูกคุกคาม
สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นหลังจากกองทัพอิสราเอลใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสังหารคาลิล อัล-เฮย์ยา ผู้นำอาวุโสของสำนักงานฝ่ายการเมืองของฮามาส และผู้นำคนอื่น ๆ ที่กำลังประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอ
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดที่พยายามกดดันรัสเซียนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) เก็บภาษีศุลกากรจากอินเดียและจีนในอัตราสูงสุดถึง 100% เพื่อตอบโต้ที่ทั้งสองประเทศยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
ทางด้านเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ชาติสมาชิก EU กำลังพิจารณาที่จะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียให้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกดดันให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับยูเครน
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล