สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยนักลงทุนมองว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธและยังส่งสัญญาณว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 63.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 67.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
คณะกรรมการเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธ เพื่อรับมือกับการชะลอตัวของตลาดแรงงาน
ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ภายสิ้นปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2570
นักวิเคราะห์จากบริษัท Onyx Capital Group กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง และเฟดก็กำลังพยุงเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
ขณะที่เดวิด เทปเปอร์ มหาเศรษฐีพันล้านและเจ้าของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ แสดงความเห็นว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหลายครั้ง แต่หากปรับลดมากเกินไปก็เสี่ยงที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 33,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ในภาพรวมแล้วตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอเนื่องจากทั้งอุปสงค์และอุปทานแรงงานปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์พลังงานที่อ่อนแอลงในสหรัฐฯ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 4.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล