สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกกว่า 1% ในวันพุธ (17 ธ.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทั้งหมดที่ถูกคว่ำบาตร ไม่ให้เดินทางเข้าและออกจากเวเนซุเอลา ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองทวีความรุนแรงมากขึ้น และทำให้ตลาดกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.21% ปิดที่ 55.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 59.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังจากปธน.ทรัมป์มีคำสั่งให้ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทั้งหมดที่ถูกคว่ำบาตร ไม่ให้เดินทางเข้าและออกจากเวเนซุเอลา พร้อมประกาศให้ผู้นำและรัฐบาลเวเนซุเอลาเป็น "องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ" ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรการกดดันนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน
มาตรการปิดล้อมของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรลำหนึ่งนอกชายฝั่งเวเนซุเอลาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เวเนซุเอลาเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และมีแหล่งน้ำมันดิบสำรองที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลก
ข้อมูลจากบริษัท Kpler ระบุว่า ในปีนี้ เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันราว 749,000 บาร์เรลต่อวัน โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวถูกส่งออกไปยังจีน
อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของสต็อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล