สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ (19 ธ.ค.) เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหยุดชะงักด้านอุปทาน หลังสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลา ขณะที่ตลาดรอความคืบหน้าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 56.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.09% ปิดที่ 60.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 1% ในสัปดาห์นี้ หลังจากทั้งสองสัญญาร่วงลงราว 4% ในสัปดาห์ก่อนหน้า
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดน้ำมันขยับบวกเล็กน้อยและทรงตัวเหนือระดับต่ำที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์นี้ ระหว่างรอทิศทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมถึงข่าวใหม่ ๆ จากเวเนซุเอลาเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังพยายามยุติความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้นแรงกดดันจึงตกอยู่ที่ยูเครนและยุโรปว่าจะเดินหน้าสู่สันติภาพอย่างไรเป็นลำดับถัดไป
ผู้นำสหภาพยุโรปตัดสินใจเมื่อวันศุกร์ให้กู้ยืมเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อให้ยูเครนวงเงิน 9 หมื่นล้านยูโร เพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศจากรัสเซียในช่วง 2 ปีข้างหน้า แทนการใช้แผนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการนำเงินของรัสเซียมาใช้ ซึ่งยังเผชิญความเห็นต่างภายในกลุ่ม
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียไม่ได้เสนอการประนีประนอมใด ๆ ต่อเงื่อนไขการยุติสงครามในยูเครนเมื่อวันศุกร์ และกล่าวหาว่าสหภาพยุโรปว่าพยายามยึดทรัพย์สินของรัสเซียอย่างไม่เป็นธรรม
ขณะเดียวกัน ยูเครนได้ใช้โดรนอากาศโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในกลุ่มกองเรือเงาของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นครั้งแรก ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่เมื่อวันศุกร์ สะท้อนความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของการโจมตีต่อการขนส่งน้ำมันของรัสเซีย
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่กังวลต่อความเสี่ยงของการยกระดับความตึงเครียดกับรัสเซียในประเด็นเวเนซุเอลา ขณะที่รัฐบาลทรัมป์เพิ่มกำลังทหารในภูมิภาคแคริบเบียน
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับ NBC News ว่า เขายังไม่ตัดความเป็นไปได้ของการใช้มาตรการปิดล้อมเวเนซุเอลาออกไป
นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้ความตั้งใจของทรัมป์ในการสกัดเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรไม่ให้เข้าออกเวเนซุเอลานั้น ได้ลดแรงหนุนด้านความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ลง
เวเนซุเอลา ซึ่งผลิตน้ำมันคิดเป็นราว 1% ของอุปทานโลก ได้อนุญาตให้เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำที่ไม่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรออกเดินทางไปยังจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตามแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับการดำเนินงานส่งออกน้ำมันของประเทศ
ข้อมูลติดตามเรือระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรลำหนึ่ง ซึ่งขนนาฟทาประมาณ 300,000 บาร์เรลจากรัสเซีย ได้เข้าสู่น่านน้ำเวเนซุเอลาในช่วงดึกของวันพฤหัสบดี ขณะที่เรืออีก 3 ลำที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรได้หยุดการเดินเรือหรือเริ่มเปลี่ยนเส้นทางในมหาสมุทรแอตแลนติก
สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรสมาชิกครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของปธน.นิโคลัส มาดูโร และภรรยา ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการเพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดีเวเนซุเอลา
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในแอ่งเพอร์เมียน ทางตะวันตกของรัฐเท็กซัสและตะวันออกของรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ลดลง 3 แท่นในสัปดาห์นี้ เหลือ 246 แท่น ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564 ตามข้อมูลจากบริษัทบริการพลังงาน Baker Hughes
จำนวนแท่นขุดเจาะถือเป็นตัวชี้วัดล่วงหน้าของการผลิตในอนาคต โดยระดับที่ลดลงอาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มการผลิตที่ชะลอตัวในระยะถัดไป