สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจาก EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค. พุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 448.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.366 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 2.322 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมัน WTI ยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในสกุลดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดพุ่งขึ้น เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในลิเบีย หลังจากที่รัฐสภาของลิเบียได้ร้องขอให้สหประชาชาติ (UN) เลื่อนการเจรจาสันติภาพออกไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในการหารือเกี่ยวกับโรดแมพของรัฐบาลชุดต่อไป ทั้งนี้ นายฟาร์ราจ ฮาเชม โฆษกสภาผู้แทนราษฎรของลิเบียกล่าวว่า "เราร้องของให้มีการเลื่อนการเจรจาออกไปอีก 1 สัปดาห์เพื่อหารือเกี่ยวกับโรดแมพ ขอบเขตอำนาจ กรอบเวลา และความสัมพันธ์กับสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลชุดต่อไป"