สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 53.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 58.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลจากรัฐนอร์ท ดาโกตา แสดงให้เห็นว่า การผลิตน้ำมันดิบในนอร์ท ดาโกตา ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.พ. โดยการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 1.18 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.23 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในรัฐนอร์ท ดาโกตา ลดลงแตะ 91 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2553
รัฐนอร์ท ดาโกตา เป็นภูมิภาคสำคัญที่มีการผลิตน้ำมันจากชั้นหิน (Shale Oil) อย่างคึกคัก ซึ่งผลักดันให้การผลิตน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลข้างต้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่คาดว่า ผลผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดจาก 7 ภูมิภาคหลักในสหรัฐที่มีการผลิต shale oil ปรับตัวลดลง 57,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. จากเดือนเม.ย.
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐปรับตัวลดลง 40 แท่น มาอยู่ที่ 988 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 เม.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำได้กดดันให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐต้องปรับลดกำลังการผลิตลง
นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันเช่นกัน เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่กำหนดราคาในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงและดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อยู่เล็กน้อย