สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 47.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 49.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นขานรับรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 14.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 225,000 บาร์เรล
ข้อมูลของ EIA มีความสอดคล้องกับรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 12.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดย S&P Global Platts คาดการณ์ไว้ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 425,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า พายุเฮอริเคน Hermine ซึ่งพัดถล่มแถบกัลฟ์โคสต์นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการขนส่งน้ำมันในสหรัฐ
นักลงทุนจับตาการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มโอเปกในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน