สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ดิ่งลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 46.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 14.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.6 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบดังกล่าวเกิดจากการที่โรงกลั่นลดการผลิตน้ำมัน และสหรัฐมีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.99 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบที่รายงานโดย EIA นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันประจำเดือนต.ค.ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 33.82 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 33.69 ล้านบาร์เรล/วัน