สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ลิเบียและไนจีเรียได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันจากชาติสมาชิกโอเปกและประเทศนอกโอเปกในช่วงปลายเดือนนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกก็อาจขอร้องให้ทั้งสองประเทศร่วมมือจำกัดการผลิตน้ำมัน เพื่อลดภาวะอุปทานล้นตลาด และหนุนราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 44.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 46.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากนายอิสซาม อัลมาร์ซูค รัฐมนตรีน้ำมันของคูเวต เปิดเผยว่า ลิเบียและไนจีเรียได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันจากชาติสมาชิกโอเปกและประเทศนอกโอเปก ที่ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มการผลิตน้ำมันของทั้งสองประเทศ หลังจากที่สองชาติแอฟริกาซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของทางกลุ่มก่อนหน้านี้
รมว.น้ำมันคูเวตเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวนอกรอบการประชุม World Petroleum Congress ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยนายอัลมาร์ซูคกล่าวว่า หากลิเบียและไนจีเรียสามารถรักษาเสถียรภาพของผลผลิตน้ำมันที่ระดับปัจจุบันได้ ทางกลุ่มโอเปกก็อาจขอร้องให้ทั้งสองประเทศจำกัดการผลิตโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากเดิมที่คาดว่าอาจจะมีการขอร้องให้ลิเบียและไนจีเรียควบคุมการผลิตในการประชุมอย่างเป็นทางการของโอเปกในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ประชุมของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติเห็นพ้องสำหรับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมี.ค.2561 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น โดยโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะยังคงผลิตน้ำมันราว 1.8 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ลิเบียและไนจีเรียได้เพิ่มการผลิตน้ำมัน เนื่องจากทั้งสองประเทศได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง และราคาน้ำมันก็ยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าพอใจ จนทำให้เกิดการหารือกันในบรรดาประเทศผู้ผลิตเกี่ยวกับการขอให้ลิเบียและไนจีเรียร่วมปฏิบัติตามข้อตกลง