สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) จากความวิตกเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐ ซึ่งใกล้แตะระดับการผลิตของรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันมากที่สุดของโลกในขณะนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 65.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 76.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ระดับ 861 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 215,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 10.47 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
สำหรับในปีหน้า EIA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันราคาน้ำมันในตลาด โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน เพราะทำให้สัญญามีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น