ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 20% ขานรับสหรัฐเตรียมซื้อน้ำมันใส่คลังสำรอง

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 19, 2020 23:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 20% ใกล้แตะ 25 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยว่าจะเข้าซื้อน้ำมันจำนวน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังดีดตัวขึ้นขานรับรัฐบาลสหรัฐ, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ได้ออกมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ณ เวลา 22.52 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 4.33 ดอลลาร์ หรือ 21.26% สู่ระดับ 24.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯจะเข้าซื้อน้ำมันจำนวน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บใน SPR

การดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในระยะนี้

รัฐบาลสหรัฐจะซื้อน้ำมันดังกล่าวจากผู้ผลิตขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยจะซื้อทั้งน้ำมันดิบแบบ sweet และ sour

ทั้งนี้ สหรัฐกักเก็บน้ำมันสำรองใน SPR ที่อยู่ในรัฐเท็กซัส และหลุยเซียนา โดย SPR จะสามารถกักเก็บน้ำมันได้อีก 77 ล้านบาร์เรล

กระทรวงฯระบุว่ากำลังประสานงานกับสภาคองเกรสในการออกกฎหมายสนับสนุนการซื้อน้ำมันดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงินราว 2 พันล้านดอลลาร์

แหล่งข่าวระบุว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาการจำหน่ายพันธบัตรอายุ 25 ปี และ 50 ปี เพื่อนำรายได้มาสนับสนุนโครงการต่างๆตามมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย "Families First Coronavirus Response Act" หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างท่วมท้น

กฎหมายดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีวงเงินสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ครอบคลุมถึงมาตรการแจกเงินสดแก่ชาวอเมริกันวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ และมาตรการสนับสนุนทางการเงินแก่อุตสาหกรรมการบินวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานจากผลกระทบของโควิด-19 และให้ชาวอเมริกันสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างที่ลาป่วยจากการติดเชื้อดังกล่าว

ทางด้านเฟดเปิดเผยว่า เฟดได้ร่วมมือกับธนาคารกลางหลายแห่งในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางการทำข้อตกลงสว็อประหว่างธนาคารกลางดังกล่าว

ทั้งนี้ เฟดประกาศข้อตกลงสว็อปกับธนาคารกลางของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล เดนมาร์ก เม็กซิโก นอร์เวย์ สวีเดน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ โดยข้อตกลงสว็อปดังกล่าวจะมีอายุ 6 เดือน

ข้อตกลงสว็อปที่เฟดทำไว้กับธนาคารกลางทุกแห่งจะมีวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ยกเว้นข้อตกลงของธนาคารกลางเดนมาร์ก นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ จะมีวงเงินแห่งละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

การดำเนินการของเฟดในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่เฟดได้ทำข้อตกลงสว็อปกับธนาคารกลางยุโรป รวมถึงธนาคารกลางจากอังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันภาวะตึงตัวของดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทางด้าน BoE จัดการประชุมฉุกเฉินในวันนี้ โดย BoE มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.15% สู่ระดับ 0.10% จากระดับ 0.25% เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ BoE ยังเปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางจะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 2 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 6.45 แสนล้านปอนด์

ก่อนหน้านี้ BoE ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลง 0.50% สู่ระดับ 0.25% เมื่อวันที่ 11 มี.ค. จากเดิมที่ระดับ 0.75%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ