ราคาน้ำมัน WTI ร่วงกว่า 2% กังวลโควิดกลายพันธุ์กระทบอุปสงค์น้ำมัน

ข่าวต่างประเทศ Tuesday January 5, 2021 00:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงกว่า 2% ในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกที่ว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษและแอฟริกาใต้ รวมทั้งการใช้มาตรการล็อกดาวน์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน

ณ เวลา 23.46 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 2.12% สู่ระดับ 47.49 ดอลลาร์/บาร์เรล

หลายประเทศทั่วโลกพากันระงับเที่ยวบินจากอังกฤษและแอฟริกาใต้ หลังพบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้มีการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิม

ถึงแม้ขณะนี้หลายประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แต่การกลายพันธุ์ของไวรัสก็ได้ทำให้การแพร่ระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยล่าสุดทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 85.5 ล้านราย เสีนชีวิตกว่า 1.8 ล้านราย ขณะที่สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 21 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 360,000 ราย

นายแมทท์ แฮนค็อก รมว.สาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความเสี่ยง และสร้างความกังวลมากกว่าสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ถึงแม้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไวรัสมีความรุนแรงมากขึ้น และคาดว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค รวมทั้งแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดจะสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ศจ.จอห์น เบลล์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความน่าวิตก เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ในหลายด้าน และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในโครงสร้างโปรตีนของไวรัส

ศจ.เบลล์กล่าวว่า ยังคงมีคำถามว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค รวมทั้งแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดจะไร้ประสิทธิภาพในการรับมือต่อการกลายพันธุ์ดังกล่าวหรือไม่

ศจ.เบลล์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดกำลังวิจัยผลกระทบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีต่อวัคซีนในขณะนี้ แต่เขาเชื่อว่าวัคซีนดังกล่าวยังคงสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ แต่เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้

นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้ หลังจากที่มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 7.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะส่งผลให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า โอเปกพลัสจะยังคงกำลังการผลิตในการประชุมเดือนก.พ. โดยจะไม่มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ