เครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เกิดเหตุระบบล่มครั้งใหญ่ทั่วโลกในวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานหลายหมื่นรายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และภูมิภาคอื่น ๆ โดยบริษัทชี้แจงว่ามีสาเหตุจากความล้มเหลวของซอฟต์แวร์ภายใน ก่อนที่ระบบจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติในอีก 2 ชั่วโมงครึ่งต่อมา
ไมเคิล นิโคลส์ รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของสตาร์ลิงก์ ยืนยันผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า "ระบบล่มเกิดจากความผิดพลาดของซอฟต์แวร์หลักภายในที่ใช้ควบคุมเครือข่าย" พร้อมกล่าวขออภัยและให้คำมั่นว่าจะสืบสวนหาสาเหตุต้นตอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์ ได้กล่าวขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
เว็บไซต์ Downdetector ซึ่งรวบรวมรายงานปัญหาระบบล่ม ระบุว่า ผู้ใช้งานเริ่มประสบปัญหาตั้งแต่เวลาประมาณ 15:00 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ (02:00 น. วันศุกร์ที่ 25 ก.ค. ตามเวลาไทย) โดยมีผู้ใช้งานแจ้งปัญหาสูงสุดถึง 61,000 ราย
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าสาเหตุของระบบล่มครั้งนี้อาจเป็นปัญหาการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาด คล้ายกับกรณีของ CrowdStrike กับ Windows เมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนก.ค. 2567 ที่การอัปเดตซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของ CrowdStrike ทำให้เกิดปัญหาระบบล่มทั่วโลก ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ถึง 8.5 ล้านเครื่อง
ปัจจุบัน สตาร์ลิงก์มีผู้ใช้งานกว่า 6 ล้านรายในกว่า 140 ประเทศและดินแดน โดยสเปซเอ็กซ์ได้ปล่อยดาวเทียมไปแล้วกว่า 8,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแก่กองทัพ ภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภคในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับที โมบายล์ (T-Mobile) เพื่อพัฒนาบริการส่งข้อความจากดาวเทียมถึงโทรศัพท์มือถือโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อสตาร์ชิลด์ (Starshield) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจดาวเทียมทางการทหารของบริษัท ที่มีสัญญามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) และหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ หรือไม่