ไต้หวันเสนอจะช่วยเหลือบริษัทเทคโนโลยีของตนให้เข้าไปลงทุนและสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกา เพื่อหวังสร้างความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไต้หวันในอัตราสูงถึง 20%
ทั้งนี้ ไต้หวันได้ส่งคณะผู้แทนการค้าไปเจรจากับสหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 25-29 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเจิ้ง ลี่จวิน รองนายกรัฐมนตรีไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจา ได้แถลงข่าวในวันนี้ (2 ต.ค.) ว่า รัฐบาลจะพิจารณาขยายการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่บริษัทที่ขยายการลงทุนในสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ไต้หวันจะขอความร่วมมือจากสหรัฐฯ ในเรื่องการจัดหาที่ดิน การออกวีซ่า และการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ
ไต้หวันระบุว่า แนวทางการลงทุนของไต้หวันจะเป็นการประสานงานในระดับรัฐต่อรัฐ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าในทางปฏิบัติจะเป็นอย่างไร
รองนายกฯ ไต้หวันเปิดเผยว่า บริษัท TSMC ของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปตามสัญญารายใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้าครั้งนี้ และการตัดสินใจลงทุนใด ๆ ในอนาคตจะยังคงขึ้นอยู่กับตัวบริษัทเอง
ก่อนหน้านี้ โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ News Nation ในช่วงสุดสัปดาห์ว่า สหรัฐฯ จะเสนอให้ไต้หวันเพิ่มสัดส่วนการผลิตชิปในสหรัฐฯ เป็น 50-50 จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ผลิตในไต้หวัน อย่างไรก็ตาม รองนายกฯ ไต้หวัน ยืนยันว่า "ทีมเจรจาของเราไม่ได้ให้คำมั่นใด ๆ เกี่ยวกับการแบ่งสัดส่วนการผลิตชิปเป็น 50-50 ขอให้มั่นใจว่า ประเด็นนี้ไม่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือในการเจรจาครั้งนี้ และเราจะไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวแน่นอน"