ไมโครซอฟท์ (Microsoft) กำลังเร่งกู้คืนบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง Azure หลังเกิดเหตุระบบล่มครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานและภาคธุรกิจทั่วโลก โดยล่าสุดบริษัทแถลงว่าสถานการณ์ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบกำลังดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุการณ์ระบบล่มครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 29 ต.ค. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (ET) หรือ 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยไมโครซอฟท์ชี้แจงผ่านหน้าเว็บรายงานสถานะว่า สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าล่าสุดในโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของ Azure
ความผิดพลาดดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริการ Azure Front Door ซึ่งเป็นเครือข่ายระดับโลกที่ช่วยเร่งความเร็วในการเข้าถึงแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้าและบริการต่าง ๆ ที่พึ่งพาระบบนี้เกิดปัญหาการเชื่อมต่อหมดเวลาและข้อผิดพลาด
ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความโกลาหลเป็นวงกว้าง โดยมีองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งออกมายืนยันว่าได้รับผลกระทบ อาทิ
- สายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์ (Alaska Airlines) ที่ระบบหลักและเว็บไซต์ของสายการบินหยุดชะงัก
- สนามบินฮีทโธรว์ ในสหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งเว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง
- โวดาโฟน (Vodafone) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ บริการในเครือของไมโครซอฟท์เองอย่าง Microsoft 365 ก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่องไปด้วย ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ข้อมูลจาก Downdetector เว็บไซต์ติดตามการล่มของบริการออนไลน์ ระบุว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุรุนแรงที่สุด มีผู้ใช้งานรายงานปัญหาเกี่ยวกับ Azure เข้ามามากกว่า 18,000 ราย ก่อนที่ตัวเลขจะลดลงเหลือเพียงหลักร้อยในเวลาต่อมา เช่นเดียวกับ Microsoft 365 ที่มีผู้รายงานปัญหาสูงสุดเกือบ 11,700 ราย
ไมโครซอฟท์ระบุว่ากำลังเร่งแก้ไขอย่างเต็มที่ และคาดว่าจะสามารถกู้คืนระบบได้ทั้งหมดภายในเวลา 19.20 น. ตามเวลา ET หรือ 06.20 น. ของวันที่ 30 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย