"หัวเว่ย" ยอมรับเคยซุ่มพัฒนา OS ของตนเอง หวังรับมือกรณีถูกสหรัฐแบน

ข่าวเทคโนโลยี Monday May 20, 2019 20:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า โฆษกของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายรายใหญ่ของจีน เคยออกมายอมรับเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ (OS) ของตนเองจริง เพื่อใช้เป็นแผนสองกรณีที่หัวเว่ยถูกแบนไม่ให้ใช้ซอฟต์แวร์ของสหรัฐในอุปกรณ์ของตน

โฆษกหัวเว่ยเปิดเผยว่า ระบบปฏิบัติการที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นเองนั้น จะใช้เมื่อมีเหตุขัดข้องเท่านั้นเพื่อให้ธุรกิจพื้นฐานเดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่นายริชาร์ด หยู ซีอีโอแผนกคอนซูเมอร์ของหัวเว่ย เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมนีก่อนหน้านั้นว่า ระบบดังกล่าวเป็นแผนสำรองหากหัวเว่ยถูกแบนจริง แต่หัวเว่ยยังคงยินดีที่จะใช้ระบบปฏิบัติการของสหรัฐต่อไป

รายงานข่าวดังกล่าวของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้เผยแพร่ตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางสำนักข่าวได้นำกลับมารายงานอีกครั้งในวันนี้ หลังจากที่บริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ออกมาประกาศระงับการทำธุรกิจกับหัวเว่ย ซึ่งส่งผลให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ตลอดจนเข้าถึงแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Google Play Store, Gmail และ YouTube ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกูเกิลได้

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศและสำนักข่าวบลูมเบิร์กก็ออกมารายงานว่า บริษัทอินเทล, ควอลคอมม์, บรอดคอม และซิลลินซ์ (Xilinx) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ก็ได้แจ้งต่อพนักงานของตนว่า บริษัทต้องยุติการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ย จนกว่าจะมีประกาศจากทางรัฐบาลออกมาเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่พุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน

ต่อมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้นำชื่อของหัวเว่ย และบริษัทในเครือ 70 แห่ง เข้ารวมอยู่ใน "Entity List" ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัทเทเลคอมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐเข้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ โดยการดำเนินการดังกล่าวจะสร้างความยากลำบากให้กับบริษัทหัวเว่ยในการขายผลิตภัณฑ์ เนื่องจากหัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่สุดของโลก ต้องพึ่งพาบรรดาซัพพลายเออร์ในสหรัฐ

ขณะที่ หัวเว่ยออกมาตอบโต้ผ่านแถลงการณ์ที่ส่งให้กับสำนักข่าวซินหัวว่า การตัดสินใจนี้ไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด และจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมากต่อบริษัทของสหรัฐซึ่งทำธุรกิจกับหัวเว่ย กระทบตำแหน่งงานในสหรัฐหลายหมื่นตำแหน่ง และขัดขวางความร่วมมือในปัจจุบัน และความไว้วางใจซึ่งกันและกันที่มีอยู่ในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

แถลงการณ์ระบุว่า หัวเว่ยจะหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวในทันที และหาทางออกต่อประเด็นนี้ รวมทั้งจะพยายามในเชิงรุกเพื่อลดผลกระทบของเหตุการณ์นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ