นักวิเคราะห์เตือนผลกระทบกรณีสหรัฐสั่งแบน"หัวเว่ย" ชี้อาจฉุดรายได้บริษัทผลิตชิพของสหรัฐ

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday May 21, 2019 10:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทซัพพลายเออร์ชิพของสหรัฐกำลังสูญเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างหัวเว่ยซึ่งเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งสั่งซื้อเซมิคอนดักเตอร์ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

นักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจเอเวอร์คอร์ กล่าวว่า ธุรกิจชิพของสหรัฐจะได้รับความเสียหายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และจะส่งผลให้บริษัทชิพของสหรัฐชะลอการลงทุน ซึ่งก็จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐลดลง ขณะที่รัฐบาลสหรัฐเองก็จำเป็นจะต้องพิจารณาประเด็นด้านความมั่นคงของชาติด้วย

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อาร์บีซีกล่าวว่า คำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐทำธุรกิจกับหัวเว่ยนั้น อาจส่งผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบริษัทที่มีรายได้จากเครือข่าย 5G และจากตลาดจีน

รายงานระบุว่า บริษัทอนาล็อก ดีไวเซส มีรายได้ 12.5% จากธุรกิจเครือข่าย 5G ขณะที่บริษัทสกายเวิร์คส โซลูชั่นส์ คอร์โว บรอดคอม ควอลคอมม์ และซิลลินซ์ ต่างก็พึ่งพาการขยายตัวของโครงข่าย 5G ส่วนบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส และ เอ็นวิเดีย เป็นสองบริษัทที่รับผิดชอบการประมวลผลศูนย์ข้อมูลขั้นสูง

ประเด็นการแบนหัวเว่ย และความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ และการยกเลิกคำสั่งห้ามทำธุรกิจกับหัวเว่ย มีแนวโน้มจะหนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นอย่างมากราว 5-10%

รัฐบาลสหรัฐสั่งแบนหัวเว่ยในการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ หลังจากปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์อย่างมาก

นักวิเคราะห์มองว่า การสั่งแบนหัวเว่ยนั้น อาจเป็นเทคนิคที่ใช้ในการเจรจาต่อรองของรัฐบาลสหรัฐที่จะนำจีนกลับสู่โต๊ะเจรจา แต่ความเสี่ยงที่ชัดเจนก็คือ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชื่อว่า เขาประสบความสำเร็จในการเจรจา แต่ก็อาจเป็นการผลักจีนให้ตกหน้าผา และสงครามเย็นด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันก็จะฝังรากลึก และทวีความรุนแรงมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ