สหรัฐเผยกำลังพิจารณาคำขอส่งออกสินค้าให้ "หัวเว่ย" ยืนยันยังถูกขึ้นบัญชีดำ

ข่าวเทคโนโลยี Thursday July 4, 2019 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการสหรัฐกำลังพิจารณาคำขอของบริษัทสหรัฐบางรายที่ขอใบอนุญาตในการส่งออกสินค้าแก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน ซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยกระบวนการพิจารณาขอใบอนุญาตนั้นจะเป็นไปตามนโยบาย "สันนิษฐานให้ปฏิเสธไว้ก่อน" ซึ่งหมายความว่าคำขอดังกล่าวมีแนวโน้มถูกปฏิเสธมากกว่าอนุมัติ

กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า คำขอในการส่งออกสินค้าให้แก่หัวเว่ยนั้น จำเป็นต้องใช้นโยบายดังกล่าว เพราะหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นเหตุให้สหรัฐต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดในแง่ความมั่นคงของชาติ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยการสัญญากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นอกรอบการประชุมซัมมิต G20 ในญี่ปุ่นว่า เขาจะอนุญาตให้บริษัทสหรัฐขายสินค้าให้กับหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน

ปธน.ทรัมป์ระบุในการแถลงข่าวหลังการประชุมซัมมิตของกลุ่ม G20 ที่ญี่ปุ่นว่า บริษัทสหรัฐสามารถขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ย โดยเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ

อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจยังคงมีความกังวลเพราะหลังจากการประกาศวันนั้น นับจนถึงวันนี้ยังไม่มีการประกาศนโยบายใหม่อย่างชัดเจน ขณะที่ทางโฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้ประกาศเพียงว่าทางกระทรวงจะแจ้งให้บริษัททราบเกี่ยวกับผลการขอใบอนุญาตเมื่อการพิจารณาเป็นอันแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐได้เพิ่มหัวเว่ยในรายชื่อ Entity List ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายอุปกรณ์ต่างๆให้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นการลงโทษสำหรับการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ

การประกาศของปธน.ทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้รับการขานรับจากบรรดาผู้ผลิตชิปของสหรัฐที่ยังคงต้องการขายสินค้าให้กับหัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นลูกค้ารายสำคัญของสหรัฐ

แต่ถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์ได้สร้างความสับสนให้กับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลในการทำความเข้าใจกับนโยบายของปธน.ทรัมป์ที่เกี่ยวกับหัวเว่ย

ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเมื่อใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาของปธน.ทรัมป์ และความเป็นไปได้ที่สัญญานั้น อาจจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของการขอใบอนุญาต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ