มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (6 พ.ค.) ว่า เขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อย่างครอบคลุมและสร้างสรรค์ที่ทำเนียบขาว แม้ผู้นำทั้งสองจะมีความเห็นต่างในประเด็นการยกเลิกภาษี และแนวคิดเรื่อง "รัฐที่ 51"
ในการแถลงข่าวหลังการประชุมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. คาร์นีย์ระบุว่า เขากับทรัมป์ตกลงจะหารือกันเพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะพบกันอีกครั้งในการประชุมสุดยอด G7 ที่คานานาสกิสในรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดา
คาร์นีย์ยังระบุว่า เขาได้บอกกับทรัมป์ว่า การพูดถึงแนวคิดเรื่อง "รัฐที่ 51" ซ้ำไปซ้ำมานั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ และเสริมว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่มักพูดในสิ่งที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็เข้าใจว่า ขณะนี้เรากำลังเจรจาในฐานะประเทศเอกราชทั้งสองฝ่าย
เมื่อถูกถามว่าการหารือครั้งนี้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ในการยุติสงครามการค้า คาร์นีย์ตอบว่า ทั้งสองฝ่ายมีประเด็นเฉพาะที่ต้องติดตามและต่อยอดต่อไป พร้อมย้ำว่า "นี่คือบทสนทนาที่เกิดขึ้นเพื่อแสวงหาทางออก"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าทั่วไปจากแคนาดา และ 10% สำหรับพลังงานกับโพแทชที่อยู่นอกข้อตกลง USMCA รวมถึงภาษี 25% สำหรับเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์จากแคนาดาที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงดังกล่าว
ด้านแคนาดาตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% กับรถยนต์ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง USMCA และเก็บภาษีเพิ่มขึ้นกับผลิตภัณฑ์เหล็ก อะลูมิเนียม และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ เช่น น้ำผลไม้ คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง รวมมูลค่าเกือบ 6 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 4.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)