กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กได้เชิญเจนนิเฟอร์ ฮอลล์ ก็อดฟรีย์ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ กรุงโคเปนเฮเกน เข้าพบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 พ.ค.) เพื่อชี้แจงประเด็นที่มีรายงานข่าวว่า สหรัฐฯ ได้ยกระดับปฏิบัติการข่าวกรองในกรีนแลนด์ โดยการประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากรัฐบาลกรีนแลนด์เข้าร่วมด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชนวนเหตุของเรื่องนี้มาจากบทความในหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) เมื่อวันอังคาร (6 พ.ค.) ซึ่งพาดหัวข่าวว่า "สหรัฐฯ สั่งหน่วยข่าวกรองยกระดับการสอดแนมในกรีนแลนด์" เนื้อหาในรายงานอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้สืบหาบุคคลทั้งในกรีนแลนด์และเดนมาร์กที่มีแนวคิดสอดคล้องกับผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับกรีนแลนด์
ลาร์ส เลิกเก ราสมุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์ก เน้นย้ำว่า เดนมาร์กได้แสดงความกังวลต่อสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
"วัตถุประสงค์ของการประชุมคือการแสดงจุดยืนของราชอาณาจักรเดนมาร์กให้ชัดเจนที่สุด และเราเห็นว่า ท่านอุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง" ราสมุสเซนกล่าวกับสื่อมวลชนหลังการประชุม อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่าการประชุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยืนยันข้อกล่าวอ้างในบทความดังกล่าว
"ผมไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการสนทนาได้ แต่จุดประสงค์คือเพื่อสื่อสารไปยังสหรัฐฯ ว่าเราจริงจังกับรายงานข่าวนี้มาก แต่ผมยังไม่ได้รับการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว"
ทางด้านเยนส์ เฟรเดริก นีลเซน นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ ก็ได้ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการจารกรรมตามรายงานข่าว
"การที่สหรัฐฯ มาสอดแนมในกรุงนุก (เมืองหลวงของกรีนแลนด์) เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง ถือเป็นการไม่ให้เกียรติพันธมิตรและเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก" นีลเซนกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ DR ของเดนมาร์ก
ทั้งนี้ กรีนแลนด์เคยเป็นอาณานิคมของเดนมาร์ก ก่อนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเดนมาร์กอย่างสมบูรณ์ในปี 2496 ต่อมาในปี 2522 กรีนแลนด์ได้รับสิทธิในการปกครองตนเอง (home rule) โดยเดนมาร์กยังคงดูแลด้านกิจการต่างประเทศและการป้องกันประเทศ