ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมคณะผู้บริหารธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ เริ่มภารกิจเยือนภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเป็นเวลา 4 วันในวันนี้ (13 พ.ค.) โดยมุ่งเน้นไปที่การเจรจาข้อตกลงเศรษฐกิจมากกว่าประเด็นด้านความมั่นคงในภูมิภาค
รายงานระบุว่า สหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีแนวโน้มว่าจะประกาศข้อตกลงความร่วมมือด้านการลงทุนซึ่งอาจมีมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียเคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ 6 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 4 ปีข้างหน้า แต่ทรัมป์ระบุว่าจะขอเพิ่มยอดการลงทุนเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์
ทรัมป์และคณะฯ เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเป็นที่แรก ในขณะที่กำลังมีการประชุมการลงทุนซาอุฯ-สหรัฐฯ โดยคาดว่าเขาจะเสนอแพ็กเกจอาวุธมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจรวมถึงเครื่องบินลำเลียง C-130 และอาวุธล้ำสมัยอื่น ๆ
หลังจากนั้น ทรัมป์จะเดินทางต่อไปยังกาตาร์ในวันพุธ (14 พ.ค.) ก่อนเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.) โดยมีรายงานว่าราชวงศ์กาตาร์จะมอบเครื่องบินโบอิ้ง 747-8 ลำหรูให้แก่ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าทรัมป์จะบริจาคเครื่องบินนี้ให้กับห้องสมุดประธานาธิบดีเพื่อใช้หลังจากเขาหมดวาระ
คณะผู้ติดตามของทรัมป์ประกอบด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อาทิ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla), แลร์รี ฟิงก์ ซีอีโอของแบล็กร็อก (BlackRock) และเจน เฟรเซอร์ ซีอีโอของซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) รวมถึงมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าทรัมป์อาจแวะเยือนตุรกีในวันพฤหัสบดี หากมีการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน
ทั้งนี้ การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งที่สองของทรัมป์นับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง โดยการเดินทางครั้งแรกคือการเข้าร่วมพิธีปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ นครรัฐวาติกัน