กลุ่ม 20 รัฐในสหรัฐฯ ที่นำโดยพรรคเดโมแครตได้ยื่นฟ้องต่อศาล 2 คดีเมื่อวันอังคาร (13 พ.ค.) เพื่อสกัดกั้นความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะบีบให้รัฐเหล่านี้ร่วมมือกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง โดยขู่ว่าจะไม่ให้เงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นงบสำหรับโครงการคมนาคม การต่อต้านการก่อการร้าย และการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน
ในการฟ้องร้องทั้งสองคดีที่ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐโรดไอแลนด์ รัฐต่าง ๆ โต้แย้งว่ากระทรวงคมนาคมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ กำลังใช้เงินทุนของรัฐบาลกลางอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อบีบบังคับให้รัฐต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามนโยบายคนเข้าเมืองอันแข็งกร้าวของปธน.ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน
ร็อบ บอนตา อัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นแกนนำในการฟ้องร้องครั้งนี้กล่าวว่า การกระทำของทรัมป์ถือเป็นการข่มขู่ที่ "ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง" ที่จะระงับเงินทุนซึ่งใช้ในการปรับปรุงถนนและเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน หากรัฐต่าง ๆ ไม่ยอมใช้ทรัพยากรของตนสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง
กลุ่มรัฐผู้ฟ้องระบุว่า การที่ฝ่ายบริหารตั้งเงื่อนไขเรื่องการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองพ่วงกับการให้เงินช่วยเหลือ ถือเป็นการก้าวก่ายอำนาจของรัฐสภาในการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ทริเซีย แมคลาฟลิน โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแถลงว่า รัฐที่ขัดขวางการดำเนินการจับกุมผู้อพยพของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ไม่ควรได้รับเงินทุนสนับสนุน "นักการเมืองหัวรุนแรงที่สนับสนุนนโยบายเมืองให้ที่พักพิง ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวอเมริกันเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายที่เป็นอาชญากร" แมคลาฟลินกล่าว
หนึ่งในคดีฟ้องร้องที่ยื่นเมื่อวันอังคาร พุ่งเป้าไปที่ข้อกำหนดใหม่ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิที่ระบุว่า รัฐต่าง ๆ ต้องสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการถูกตัดงบช่วยเหลือด้านการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน การบรรเทาภัยพิบัติ และความมั่นคงทางไซเบอร์
ส่วนคดีที่สองเน้นไปที่จดหมายของฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ที่ส่งเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ซึ่งระบุว่า รัฐต่าง ๆ อาจถูกตัดงบประมาณด้านคมนาคม หากไม่ให้ความร่วมมือกับความพยายามบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง หรือยังคงไว้ซึ่งโครงการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DEI)