สำนักข่าวเวียดนาม (VNA) รายงานในวันนี้ (16 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งต่อเวียดนามว่า การที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับเวียดนามนั้น "ไม่อาจดำเนินต่อไปในลักษณะนี้ได้" และถือเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ท่ามกลางการเจรจาเรื่องภาษีระหว่างสองประเทศ
ปัจจุบัน เวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด เพื่อโน้มน้าวให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่อนปรนต่อตัวเลขเกินดุลการค้ามหาศาลที่เวียดนามมีต่อสหรัฐฯ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเมื่อเดือนเม.ย.ว่าจะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ในอัตรา 46% จากสินค้าเวียดนาม โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค.นี้
โรเบิร์ต แคปรอธ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.) กับกาว อัญ ต๋วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเวียดนาม โดยย้ำว่า เวียดนามจำเป็นต้องออกมาตรการจัดการกับการลักลอบขนสินค้าถ่ายลำจากประเทศอื่นผ่านเวียดนาม และการทุจริตทางการค้ารูปแบบอื่น ๆ
ด้านต๋วนได้ขอให้แคปรอธช่วยอำนวยความสะดวกให้เวียดนามนำเข้าสินค้าไฮเทคจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสูงเกิน 1.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเวียดนามสนใจนำเข้าสินค้าไฮเทค พลังงาน อากาศยาน เครื่องจักร และสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ
เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ รัฐบาลฮานอยได้ออกมาตรการหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลดภาษีสินค้าหลายประเภทที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ และเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามสินค้าจีนที่ลักลอบส่งออกไปยังสหรัฐฯ ผ่านทางเวียดนาม
นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิญ จิ๊ญ ของเวียดนามกล่าวว่า การเจรจาเรื่องภาษีรอบแรกกับสหรัฐฯ มีขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ พร้อมระบุว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่สหรัฐฯ ตกลงเปิดการเจรจาด้วย
ฝั่ม ทู หั่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เวียดนาม "กำลังส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าที่สมดุลและยั่งยืนกับสหรัฐฯ อย่างจริงจัง" และยืนยันว่า การเจรจาเรื่องภาษีตอบโต้ "กำลังดำเนินการอยู่" ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป