นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น แถลงในวันนี้ (19 พ.ค.) ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้วิธีลดภาษีโดยอาศัยการออกพันธบัตรเพื่อก่อหนี้เพิ่มเติม นับเป็นการสวนกระแสแรงกดดันทางการเมืองที่ต้องการให้ผ่อนคลายนโยบายการคลัง ก่อนการเลือกตั้งวุฒิสภาในเดือนก.ค.
นายกฯ อิชิบะกล่าวต่อรัฐสภาว่า "ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวเป็นบวก และสถานะทางการคลังของประเทศก็ไม่สู้ดีนัก" พร้อมเตือนว่าต้นทุนในการแบกรับภาระหนี้สินมหาศาลของประเทศกำลังสูงขึ้น ท่ามกลางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง (BOJ)
"แม้รายได้จากภาษีจะเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมก็สูงขึ้นตามไปด้วย" นายกฯ อิชิบะกล่าวเสริม
จากสถานการณ์เงินเฟ้อราคาอาหารที่ยังคงสูงจนกระทบการบริโภค และมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่สร้างความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้นายกฯ อิชิบะเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากทั้งสส.พรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้เพิ่มการใช้จ่ายและลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของญี่ปุ่นจากระดับปัจจุบันที่ 10%
คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าวว่า แม้ปัจจุบันญี่ปุ่นจะยังไม่ประสบปัญหาในการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตร แต่ก็จำเป็นต้องพยายามรักษาความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ
"หากตลาดขาดความเชื่อมั่นในสถานะการคลังของเรา อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าเงินเยนอ่อนตัวลง และเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจ" คาโตะกล่าวในการประชุมรัฐสภา
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ระยะยาวพิเศษปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเม.ย. ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุอื่น ๆ ยังคงทรงตัว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดคาดการณ์ว่าสถานะทางการคลังของญี่ปุ่นมีแนวโน้มแย่ลง