ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมเป็นเท่าตัวสู่ระดับ 50% ซึ่งจุดชนวนความวิตกกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ
ภาษีเพิ่มเติมนี้ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืนวันอังคาร (3 มิ.ย.) บ่งชี้ว่า ทรัมป์ไม่มีความตั้งใจที่จะยอมถอยจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านการค้าที่แข็งกร้าว
ทรัมป์เปิดเผยแผนปรับขึ้นภาษีเป็นเท่าตัวในการแถลง ณ โรงงานของบริษัทยูเอส สตีล (U.S. Steel) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเขาได้กล่าวยกย่องความมุ่งมั่นของนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ที่ยอมทุ่มเม็ดเงินลงทุนมหาศาลกับบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าสหรัฐฯ แห่งนี้
ทรัมป์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องตลาดโลหะในประเทศ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมว่า เหตุใดจึงจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีเป็นเท่าตัว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภาษีที่เพิ่มขึ้นนี้มีขึ้นในขณะที่คณะบริหารของทรัมป์มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในการบรรลุข้อตกลงกับคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ นับตั้งแต่มีการประกาศเลื่อนเก็บภาษีตอบโต้ออกไปเป็นเวลา 90 วันในเดือนเม.ย. เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาต่อรอง
คำสั่งของทรัมป์ยังมีขึ้นในขณะที่ศาลสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบความชอบธรรมของทรัมป์ในการกำหนดภาษีเหล่านี้ และเกิดความตึงเครียดทางการค้ากับจีนขึ้นอีกครั้ง
ในช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมทั้งหมด 25% ซึ่งถือเป็นการบังคับใช้มาตรการกีดกันทางการค้าครั้งแรกต่อภาคอุตสาหกรรม นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนม.ค.