ซีบีเอส นิวส์ รายงานว่า สหรัฐฯ ได้รับข้อมูลว่า อิสราเอลเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากภูมิภาคดังกล่าว
สหรัฐฯ เริ่มอพยพเจ้าหน้าที่พลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจฉุกเฉินหรือภารกิจทางทหารออกจากอิรักในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ดำเนินการอพยพดังกล่าวตั้งแต่วันพุธ (11 มิ.ย.) ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ออกมายืนยันเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
แหล่งข่าวหลายฝ่ายเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ประเมินว่า อิหร่านอาจตอบโต้ด้วยการโจมตีฐานทัพหรือสิ่งปลูกสร้างของสหรัฐฯ ในอิรัก หากสถานการณ์ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งทางทหาร
ในด้านของอิหร่านนั้น อาซิซ นาซีร์ซาเดห์ รัฐมนตรีกลาโหมระบุว่า หากเกิดความขัดแย้งขึ้นจริง อิหร่านอาจเลือกเป้าหมายที่เป็นฐานทัพของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค
แม้ในขณะนี้ สหรัฐฯ และอิหร่านยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ แต่ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ โดย สตีฟ วิตคอฟฟ์ ตัวแทนพิเศษของทรัมป์ด้านตะวันออกกลาง มีกำหนดเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่จากอิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมให้อิหร่านเดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และเขายังระบุเพิ่มเติมว่า กำลังสูญเสียความเชื่อมั่นว่า การเจรจานิวเคลียร์จะนำไปสู่ข้อตกลงใด ๆ ได้
ทั้งนี้ รายงานเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาชี้ว่า อิสราเอลได้เตรียมการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านไว้แล้ว หากการเจรจากับสหรัฐฯ ล้มเหลว