ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ว่า เขาอาจปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์อีกในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อพยายามดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ภาคการผลิตของสหรัฐฯ มากขึ้น
ทรัมป์กล่าว ณ ทำเนียบขาวว่า "ผมอาจปรับขึ้นภาษีศุลกากรอีกในอนาคตอันใกล้นี้ ยิ่งสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้พวกเขามาตั้งโรงงานที่นี่มากขึ้น"
ทรัมป์ย้ำว่า การผลิตทั้งหมดในสหรัฐฯ กำลังพุ่งสูงขึ้นจากอานิสงส์ของการเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้นในอัตรา 25% ที่รัฐบาลของเขาเรียกเก็บในช่วงต้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทรัมป์จะเอาจริงเอาจังมากเพียงใดกับแผนดังกล่าว เนื่องจากเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันระหว่างพิธีลงนามยับยั้งกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้องการยุติการขายรถยนต์ใหม่ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายในปี 2578
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งจากต่างประเทศและในอเมริกาเองต่างได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่สูงของทรัมป์
ทั้งนี้ การเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 25% กับรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเม.ย. ทำให้ภาษีนำเข้ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 27.5% ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ รวมถึงบริษัทรถยนต์อเมริกันเองด้วย
ถ้อยแถลงล่าสุดของทรัมป์มีขึ้นหนึ่งวันก่อนที่หัวหน้าคณะผู้เจรจาภาษีศุลกากรของญี่ปุ่นจะเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งญี่ปุ่นเรียกการหารือนี้ว่าเป็น "การเจรจาเข้มข้น" ก่อนการประชุมสุดยอดที่มีการวางแผนไว้ระหว่างนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ