ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันจันทร์ (16 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางออกจากที่ประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ในแคนาดาก่อนกำหนดหนึ่งวัน เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยการประชุมผู้นำกลุ่ม G7 ได้เริ่มขึ้นในวันจันทร์และจะเสร็จสิ้นในวันนี้ (17 มิ.ย.)
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยผ่านทางเอ็กซ์ว่า "มีหลายอย่างที่บรรลุผลสำเร็จ แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินทางออกที่ประชุมในคืนนี้หลังจากรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำของประเทศต่าง ๆ"
ขณะที่ปธน.เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่า การเดินทางออกจากที่ประชุมก่อนกำหนดของปธน.ทรัมป์ถือเป็นเรื่องดี เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการผลักดันให้มีการทำข้อตกลงหยุดยิงในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ผู้นำกลุ่ม G7 จากสหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ พร้อมด้วยสหภาพยุโรป (EU) ได้ประชุมร่วมกันที่เขตคานานาสกิสในเทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา โดยกลุ่ม G7 พยายามอย่างมากที่จะสร้างเอกภาพเหนือความขัดแย้งในยูเครน และระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน แม้ปธน.ทรัมป์ได้แสดงท่าทีสนับสนุนปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียอย่างเปิดเผย และยังได้กำหนดภาษีนำเข้ากับประเทศพันธมิตรหลายรายที่เข้าร่วมประชุม G7 ในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้แถลงพร้อมกับมาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาว่า ที่ผ่านมานั้น กลุ่ม G8 ผิดพลาดที่ขับไล่รัสเซียออกไปในปี 2557 หลังจากที่รัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นดินแดนของรัสเซีย
"นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่" ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่าเขาเชื่อว่ารัสเซียจะไม่บุกยูเครนในปี 2565 หากปูตินไม่ถูกขับออกไป
"ปูตินพูดกับผม เขาไม่พูดกับใครเลย ... เขาไม่พอใจเรื่องนี้ ผมบอกคุณได้เลยว่าเขาไม่พูดคุยกับคนที่ไล่เขาออก และผมเห็นด้วยกับเขา" ปธน.ทรัมป์กล่าว
แม้ทรัมป์จะไม่ได้กล่าวโดยตรงว่ารัสเซียควรได้รับการคืนสถานะในกลุ่ม แต่การแสดงความเห็นของเขาทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการเจรจาระหว่างปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและบรรดาผู้นำกลุ่ม G7 ในวันนี้จะสามารถบรรลุผลอะไรได้มากน้อยเพียงใด
การที่ปธน.ทรัมป์ตัดสินใจออกจากที่ประชุม G7 ในคืนวันจันทร์ ทำให้เขาพลาดวาระการประชุมทั้งหมดในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการหารือทวิภาคีกับปธน.เซเลนสกี และปธน.คลอเดีย เชนบาม ผู้นำเม็กซิโก นอกจากนี้ วันที่สองของการประชุม G7 มักจะมีการประชุมหลายวาระกับบางประเทศที่เจ้าภาพได้เชิญให้เข้าร่วมการประชุม โดยแขกรับเชิญในปีนี้รวมถึงมาร์ก รุตเตอร์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) และนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย