คนอเมริกันส่วนใหญ่เซย์โน ไม่หนุนทรัมป์ถล่มอิหร่าน

เว็บไซต์ statista.com รายงานว่า อิสราเอลยังคงโจมตีเป้าหมายในอิหร่านอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) ทั้งในส่วนของโรงงานนิวเคลียร์และเป้าหมายอื่น ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน อิสราเอล และสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันอังคาร (17 มิ.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการอพยพพลเมืองจากกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน และเรียกร้องให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข

อิสราเอลยืนยันว่า การโจมตีอิหร่านเป็นการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ แต่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าอิหร่านกำลังเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านตอบโต้ว่า หากสหรัฐฯ ตัดสินใจใช้กำลังทหาร จะก่อให้เกิด "ความเสียหายที่ไม่อาจเยียวยาได้"

การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่เริ่มต้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (12 มิ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คนในอิหร่าน และอีกหลายสิบคนในอิสราเอล หลังจากขีปนาวุธของอิหร่านบางส่วนสามารถเล็ดลอดจากระบบป้องกันทางอากาศของอิสราเอลได้

รายงานระบุว่า ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอิหร่านและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ และมีประชาชนหลายพันคนหลบหนีออกจากกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าทรัมป์กำลังพิจารณาว่าจะมีบทบาททางทหารในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านหรือไม่นั้น ผลสำรวจโดย The Economist และ YouGov เปิดเผยว่า ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่หรือ 60% ไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐฯ จะเข้าไปมีบทบาททางทหารในความขัดแย้งดังกล่าว โดยมีเพียง 16% เท่านั้นที่สนับสนุนการแทรกแซงทางทหารต่ออิหร่าน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนทรัมป์ในปี 2567 ซึ่งมีจำนวนเพียง 19% ที่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมถล่มอิหร่าน ขณะที่ 53% ไม่เห็นด้วย

กลุ่มสมาชิกพรรครีพับลิกันโดยรวมก็แสดงความเห็นชอบเพียง 23% เท่านั้น ขณะที่มีจำนวนผู้ไม่เห็นด้วย 53% ส่วนกลุ่มสมาชิกพรรคเดโมแครตที่เห็นด้วยมีจำนวน 15% และไม่เห็นด้วยจำนวน 65%

นอกจากนี้ ยังมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากที่ระบุว่า ยังไม่แน่ใจหรือยังไม่มีความคิดเห็นที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ดังกล่าว