เซย์เยด อับบาส อารักชี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน เปิดเผยในวันนี้ว่า การที่สหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น "อุกอาจ" และ "จะส่งผลที่ตามมาไม่รู้จบ" โดยอิหร่านเตรียม "งัดใช้ทุกวิถีทาง" เพื่อตอบโต้
ขณะเดียวกัน กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) แจ้งว่า ทางอิสราเอลตรวจพบการยิงขีปนาวุธจากอิหร่าน หลังจากสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยระบุว่า "เมื่อไม่นานมานี้ มีเสียงไซเรนดังขึ้นหลายพื้นที่ทั่วอิสราเอล หลังจากที่เราตรวจพบขีปนาวุธที่ยิงจากอิหร่านมายังรัฐอิสราเอล" และล่าสุดได้ประกาศเตือนภัยทางอากาศในบางพื้นที่ของอิสราเอล และสั่งให้ประชาชนไปหลบภัยในที่ปลอดภัย
ส่วนการท่าอากาศยานอิสราเอลออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า อิสราเอลได้ปิดน่านฟ้าแล้ว แต่ด่านพรมแดนทางบกกับอียิปต์และจอร์แดนยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
ด้านสื่อของรัฐบาลอิหร่านรายงานโดยอ้างแถลงการณ์จากศูนย์ระบบความปลอดภัยทางนิวเคลียร์แห่งชาติว่า "ไม่พบร่องรอยการปนเปื้อน" ที่โรงงานนิวเคลียร์ในเมืองเอสฟาฮาน ฟอร์โด และนาทานซ์ หลังถูกสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศ โดยแถลงการณ์ยืนยันว่า "ไม่มีอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยรอบพื้นที่ดังกล่าว"
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว IRNA ของรัฐบาลอิหร่านยอมรับว่า โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกโจมตี แต่อิหร่านได้อพยพโรงงานนิวเคลียร์ทั้งสามแห่งนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยอิหร่านไม่ได้รับความเสียหายหนัก เพราะวัสดุต่าง ๆ ถูกนำออกไปก่อนแล้ว
นอกจากนี้ องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านก็ยืนยันการโจมตีของสหรัฐฯ เช่นกัน แต่ย้ำว่าจะไม่หยุดการทำงาน โดยได้ออกแถลงการณ์หลังถูกสหรัฐฯ โจมตีว่า "องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านขอยืนยันกับชาติอิหร่านอันยิ่งใหญ่ว่า แม้ศัตรูจะมีแผนการชั่วร้าย แต่ด้วยความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญผู้มีแรงจูงใจนับพันคน เราจะไม่ยอมให้การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาตินี้ ซึ่งเป็นผลจากเลือดเนื้อของวีรชนด้านนิวเคลียร์ ต้องหยุดลงเด็ดขาด"