องค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) เตรียมจัดตั้งกลุ่มติดต่อระดับรัฐมนตรีขึ้น เพื่อให้เกิดการติดต่อสื่อสารเป็นประจำในระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนความพยายามในการลดระดับความรุนแรง หลังจากที่สหรัฐฯ และอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมระบุว่า การโจมตีที่โหดร้ายนี้ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
OIC ได้ออกแถลงการณ์ประณามอิสราเอลกรณีโจมตีอิหร่าน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องหยุดการโจมตีของอิสราเอลในทันที ทั้งยังได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อันตรายนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกดำเนินมาตรการป้องกันการโจมตีต่ออิหร่าน และทำให้อิสราเอลต้องชดใช้กับอาชญากรรมที่ก่อไว้
แม้แถลงการณ์ดังกล่าวจะไม่ได้กล่าวถึงการโจมตีครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ แต่ทางกลุ่มยังเห็นพ้องกันในมติแยกต่างหาก 13 ข้อเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งประณามทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับอิหร่านอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ OIC ยังได้เรียกร้องให้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ประณามการโจมตีที่เกิดขึ้นโดยไร้เงื่อนไข และรายงานการโจมตีดังกล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ทั้งยังเรียกร้องให้อิสราเอลเข้าร่วมในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์โดยเร็วที่สุด และให้โรงงานและกิจกรรมทางนิวเคลียร์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ IAEA
ทั้งนี้ อิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่หลายฝ่ายเชื่อกันมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง และการโจมตีอิหร่านมีขึ้นเพื่อขัดขวางไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองได้สำเร็จ