สื่อกัมพูชารายงานวันนี้ว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของไทย ที่ระบุว่า กัมพูชาเป็นศูนย์กลางเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยโฆษกและรัฐมนตรีของกัมพูชาได้ตอบโต้ว่าคำกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงและใกล้เคียงกับความเท็จ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการไทยหันไปให้ความสำคัญกับการทลายเครือข่ายอาชญากรภายในพรมแดนของตนเอง แทนที่จะชี้นิ้วกล่าวหากันอย่างขาดความรับผิดชอบ
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอีเอสของไทย กล่าวสอดคล้องกับรายงานของสื่อต่างชาติ โดยอ้างว่ากัมพูชาถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าปฏิบัติการที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากกลไกของรัฐและผู้มีอิทธิพล คำกล่าวอ้างนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการจับตามองของนานาชาติต่อปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายเจีย วานเดธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมของกัมพูชา กล่าวเน้นย้ำถึงจุดยืนที่แน่วแน่ว่า "กัมพูชาไม่เคยสนับสนุน และจะไม่มีวันยอมรับกิจกรรมของอาชญากรไซเบอร์ รัฐบาลกัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างเต็มที่ในความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใส ตลอดจนการปฏิบัติตามหลักนิติธรรมและบรรทัดฐานสากล"
"อาชญากรรมข้ามชาติเป็นความท้าทายร่วมกันที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบทางการเมือง" นายเจีย วานเดธ ระบุ
นอกจากการปฏิเสธข้อกล่าวหา กัมพูชายังได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานที่ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ไทยบางคนอาจมีส่วนรู้เห็นหรือเพิกเฉยต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในไทย โดยนายวานเดธกล่าวว่า มีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าไทยเป็นศูนย์กลางของปฏิบัติการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ โดยยกกรณีชาวจีนที่ถูกค้ามนุษย์โดยตรงจากสนามบินในกรุงเทพฯ ไปยังแหล่งซ่องสุม ซึ่งตอกย้ำถึงลักษณะข้ามชาติขององค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภูมิภาค
เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหา เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้จัดตั้ง "คณะกรรมการต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์" ซึ่งเป็นคณะทำงานระดับสูงที่มีนายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต เป็นประธาน เพื่อพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในการป้องกัน ปราบปราม และกวาดล้างการหลอกลวงทางออนไลน์และการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกัน
รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่าไม่ได้สนับสนุนหรือให้ท้ายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดใหญ่ และยอมรับว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ในรายงานหลายฉบับที่ผ่านมา กัมพูชา รวมถึงเมียนมา ลาว และไทยเอง ก็ถูกระบุชื่อว่าเป็นที่ตั้งของแหล่งซ่องสุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมักมีการค้ามนุษย์และบังคับให้ทำงานฉ้อโกงทางไซเบอร์
นายทัช โสกฮัก โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีไทยเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการรายงานที่เอนเอียงและมองข้ามความพยายามของกัมพูชา เขาวิจารณ์คำพูดของรัฐมนตรีไทยว่าเป็นการกระทำที่ย้อนแย้ง โดยชี้ว่าสื่อต่างชาติที่น่าเชื่อถืออย่าง Channel NewsAsia (สื่อสิงคโปร์) ก็เคยเปิดโปงว่า ไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญของการค้ามนุษย์และอาชญากรรมไซเบอร์เช่นกัน
"ข้อกล่าวหาที่เลินเล่อและไร้มูลเหล่านี้เสี่ยงต่อการทำลายความสัมพันธ์ทางการทูตและบั่นทอนความไว้วางใจของประชาชน" นายทัช โสกฮัก กล่าว